posttoday

ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯสูงสุดรอบ 5 เดือนรับเปิดประเทศ จี้รัฐแก้ราคาพลังงานแพง-เบรกขึ้นค่าไฟ

08 พฤศจิกายน 2564

ส.อ.ท. ระบุราคาพลังงานแพงดันต้นทุนผลิตพุ่งส่อไม่พ้นขยับราคาสินค้า ลั่นค่าไฟไม่ควรขึ้นหวั่นซ้ำเติมประชาชน ชงรัฐออกแพจเกจกระตุ้นการใช้จ่าย

นายสุพันธุ์  มงคลสุธี  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 82.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน  สูงสุดในรอบ  5 เดือน โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในทุกขนาดอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค ขณะที่องค์ประกอบของดัชนีฯ เพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ทั้งยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ

สำหรับปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่มีทิศทางดีขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง ขณะที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่องทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว รวมถึงอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่องทั้งสินค้าคงทน อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ฯ เครื่องจักรกลและโลหะการ เป็นต้น

ตลอดจนสินค้าไม่คงทนประเภทอาหารและยา นอกจากนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ในกลุ่มสินค้าอาหารและสินค้าแฟชั่น ส่งผลให้ดัชนีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น และมาตรการภาครัฐยังช่วยพยุงกำลังซื้อในประเทศ

หากพิจารณาค่าดัชนีฯอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับที่ไม่ดี โดยผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้กระทบต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง ส่วนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้นำเข้า รวมทั้งปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือสูงยังเป็นปัจจัยกดดันผู้ส่งออก

ด้านดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 95.0 จากระดับ 93.0 ในเดือนกันยายน 2564 โดยผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 แบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งนโยบายเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564, การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถเดินทางเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว (ตามเงี่อนไข) รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2564 ขณะที่ภาคการส่งออกยังคงขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลก

“ หลังเปิดประเทศดัชนีทุกตัวปรับตัวดีขึ้นทั้งหมด ผลจากไทยฉีดวัคซีนไปแล้ว 80 ล้านโดส ผู้เสียชีวิตลดลง  ขณะที่ทุกคนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาด้านสาธารณสุข เชื่อว่าเศรษฐกิจปีนี้จะปิดบวกได้ สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้คือ ราคาพลังงานที่สูงขึ้นเท่าตัว จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าต้นน้ำ มีโอกาสที่จะปรับราคาสินค้าได้  ซึ่งจะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ รวมถึงอัตราค่าไฟฟ้าก็ไม่ควรปรับขึ้นในช่วงนี้ทุกคนจะเดือดร้อนแน่นอน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นการใช้จ่ายควบคู่ไปด้วย” นายสุพันธุ์ กล่าว

นายสุพันธุ์  กล่าวถึง ปัญหาการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวว่า ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมยังต้องการแรงงานไม่ต่ำกว่า 5 แสนคนโดยแรงงานต่างด้าวที่ได้กลับประเทศไปช่วงโควิดยังกลับมาไม่ได้ ที่ผ่านมาพยายามผลักดันให้มีการจัดข้อตกลงร่วมกัน(เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐกับรัฐในการจัดหาแรงงานที่ถูกต้อง มีการตรวจเช็คระบบสุขภาพ แต่ก็ยังมีความล่าช้า ทำให้เกิดการลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฏหมาย

อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.ได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้ 1.เร่งรัดการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนตามเกณฑ์ขั้นต่ำเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยเฉพาะจังหวัดที่เปิดรับนักท่องเที่ยว 2. ภาครัฐควรมีแผนรองรับการเปิดประเทศ และมาตรการด้านสาธารณสุขที่ชัดเจน เพื่อให้การเปิดประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

3. เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรการควบคุมโรค 4. ขอให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนประกอบการภาคอุตสาหกรรม