posttoday

GPSC เชื่อเปิดประเทศดันดีมานด์ไฟฟ้าไตรมาส 4 พุ่ง โชว์ 9 เดือนกวาดกำไร 6 พันกว่าลบ.

07 พฤศจิกายน 2564

GPSC ชี้โค้งสุดท้ายของปี ธุรกิจไฟฟ้าเติบโตรับนโยบายเปิดประเทศ มั่นใจความต้องการไฟฟ้า-ไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มตามทิศทางศก.

นายวรวัฒน์  พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่าการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวของไทยและเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับภาคการผลิตจะเร่งส่งมอบสินค้าเพื่อรองรับช่วงเทศกาลในปลายปี มีแนวโน้มที่ความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำจะสูงขึ้นในไตรมาส 4 ขณะเดียวกันยังต้องติดตามต้นทุนด้านพลังงานที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นประกอบด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2564 มีรายได้ทั้งสิ้น 17,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ทั้งสิ้น 16,601 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แม้ว่าโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงาน ระยะที่ 5 หยุดเดินเครื่องนอกแผนงาน ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่การหยุดเดินเครื่องดังกล่าวไม่กระทบต่อการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมของบริษัทฯ เนื่องจากสามารถส่งมอบไฟฟ้าผ่านระบบโครงข่ายของกลุ่มบริษัท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว

ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2564 มีทั้งสิ้น 1,875 ล้านบาท ลดลง 699 ล้านบาท หรือลดลง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 427 ล้านบาท หรือลดลง 19% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2564 สาเหตุมาจากกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามกลไกราคาตลาดโลก

นอกจากนี้ บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น   ขณะที่ในส่วนกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันได้มีการหยุดเดินเครื่องนอกแผนงาน จำนวน 28 วัน โดยปัจจุบันสามารถกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติแล้ว

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการรับรู้มูลค่า synergy  ร่วมกับ GLOW  จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษี จำนวน 432 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการการผลิตและใช้โครงการข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน รวมถึงการบริหารเชิงพาณิชย์ด้านต้นทุน การผลิตและการขยายฐานลูกค้า

ด้านผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย. 2564) ของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 52,855 ล้านบาท ใกล้เคียงกับรายได้ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ทั้งสิ้น 53,047 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 6,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,050 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามแม้ว่าปี 2564 ประเทศไทยยังคงเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังรักษาและพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำของกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยมาตรการเข้มข้นสูงสุดในการป้องกันและการบริหารจัดการ ผ่านศูนย์เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส (GPSC G-COVID Center)

นายวรวัฒน์   กล่าวว่า ในระยะยาว บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สอดรับกับแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ที่มุ่งสู่พลังงานสะอาดในการลดภาวะโลกร้อน โดย GPSC มีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมพลังงานเพื่อความยั่งยืน 1 ใน 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีสัดส่วนของพลังงานสะอาดมากกว่า 50% ผ่าน 4 กลยุทธ์หลักหรือ 4S ประกอบด้วย S1: Strengthen and Expand the Core  S2: Scale–up Green Energy  S3: S-Curve & Batteries และ S4: Shift to Customer–centric Solutions 

ล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามในความร่วมมือกับ บริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด (CHPP) บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100% ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) (TGO) และบริษัท นีโอคลีน เอ็นเนอยี่ จำกัด (NEO) เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการลงทุนติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตภายใต้โครงการ Solar Orchestra ที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน Solar Rooftop

รวมถึงการขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือโครงการ T-VER  และการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ ที่เรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” ซึ่งสามารถนำคาร์บอนเครดิตไปใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายได้ โดยตั้งเป้าหมายการติดตั้ง Solar Rooftop กว่า 100 เมกกะวัตต์ ในรูปแบบของสัญญาผู้รับเหมาออกแบบและก่อสร้าง (EPC) ให้แก่ลูกค้า ภายในสิ้นปี 2565