posttoday

เอกชนเชื่อมั่นเปิดประเทศพลิกศก.ปลายปี ขยับจีดีพีปีนี้แตะ1.5 %

03 พฤศจิกายน 2564

กกร.ประสานเสียงหลังเปิดประเทศ-คลายล็อกดาวน์ เรียกเชื่อมั่นเศรษฐกิจคึกคักโค้งสุดท้าย ลุ้นรัฐบาลออกแพจเกจกระตุ้นใช้จ่าย ปัดฝุ่นช้อปดีมีคืน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน  (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผย ภายหลังการประชุม กกร.ว่าการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. 2564และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและประชาชนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการอยู่ร่วมกับโควิด-19

ทั้งนี้เริ่มเห็นได้จากข้อมูลเร็ว หรือ High Frequency Data เช่น การค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และการเดินทางในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงคาดการณ์อัตราการเข้าพักที่ผู้ประกอบการโรงแรมมองว่าจะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับ 15% ในเดือนกันยายน ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยในภูมิภาคดีขึ้น

ส่วนภาคการค้าปลีกมองว่าผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว สอดคล้องกับมองของนักธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยก็เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ทำให้คาดการณ์ว่าภาพเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะมีความคึกคักมากขึ้น และพร้อมๆ กับมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน  

อย่างไรก็ตามจากการเตรียมการของผู้ประกอบการเพื่อรับการเปิดเมือง เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ช่วงที่ผ่านมา โดยภาคเอกชนยังหวังว่าภาครัฐจะเสริมมาตรการด้วย มาตรการช้อปดีมีคืน จะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในปลายปีนี้กลับมาคึกคักมากขึ้นและต่อเนื่องไปยังปีหน้า

หากภาครัฐมีการผ่อนคลายและโปรโมทกิจกรรม เทศกาล ทั้งงานลอยกระทง และงานปีใหม่ได้ ก็จะเป็นตัวเสริมให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้นักเดินทางทั้งในและต่างประเทศ โดยต้องย้ำว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันความเสี่ยงในขณะนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นการระบาดด้วย

ขณะที่ภาคการผลิตของไทยยังสามารถเติบโตได้ แต่ต้องเผชิญปัญหาอุปทานตึงตัวเช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ทำให้ต้องชะลอการผลิตและไม่สามารถผลิตสินค้าได้มากเท่ากับที่ตลาดต้องการ มีผลให้ราคาสินค้าทั้งต้นน้ำและปลายน้ำปรับตัวสูงขึ้นมาก ซึ่งผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งนี้ผู้ส่งออกยังต้องเผชิญกับต้นทุนค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์และการขาดแคลนตู้ส่งสินค้า จึงต้องติดตามภาวะต้นทุนของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป

นายสนั่น กล่าวว่า ที่ประชุม กกร. ประเมินว่าสถานกาณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับมาตรการภาครัฐที่มีเสริมขึ้นมาจะทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวในกรอบ 0.5- 1.5% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 0-1%   ส่วนการส่งออก กกร. ยังคงคาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัว 12-14.0%  ด้านเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1 - 1.2% ซึ่งมองว่าตัวเลขนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ที่ประชุมากกร. ยังได้หารือการเจรจาความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศ โดย CPTPP ซึ่งภาคเอกชนได้ส่งผลการศึกษาของภาคเอกชนให้ทางภาครัฐและภาคประชาสังคมไปแล้ว เพื่อเร่งให้  เข้าร่วมเจรจา CPTPP เพราะหากช้าก็จะทำให้เสียโอกาส พร้อมกับเพิ่มการเจรจาตามเงื่อนไขของประเทศที่จะเข้ามาเพิ่มเติมด้วย  รวมถึงการเตรียมความพร้อมของการเป็นเจ้าภาพ APEC ในปี 2565  ที่ทางภาครัฐจะใช้ BCG เป็นหัวข้อในการหารือภายใต้ Theme “Open Connect Balance”  ซึ่งภาคเอกชนก็เห็นถึงความสำคัญประเด็นนี้ และพร้อมที่จะร่วมจัดงานกับภาครัฐด้วย โครงการภาคเอกชนจัดงานภายใต้ Theme “Embrace Engage Enable”