ดัชนีความสุขเกษตรกรปี 53อยู่ระดับปานกลาง
สศก. ระบุดัชนีความสุขเกษตรกรไทย 79.93 มีความสุขปานกลาง หนี้สินยังมากกว่ารายได้
สศก. ระบุดัชนีความสุขเกษตรกรไทย 79.93 มีความสุขปานกลาง หนี้สินยังมากกว่ารายได้
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) เผยผลสำรวจ คุณภาพชีวิตเกษตรกรในปี 53 พบว่า ดัชนีความผาสุกของเกษตรกรมีค่าเท่ากับ 79.93 % จาก คะแนน 100 คะแนน จัดอยู่ในระดับการพัฒนาปานกลาง เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่ 0.47% อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าผลการพัฒนายังไม่สร้างความสมดุล เนื่องจากดัชนีด้านสุขอนามัยและด้านสังคมอยู่ในระดับดีมาก แต่ด้านเศรษฐกิจและด้านสิ่งแวดล้อม อยู่ในระดับต้องปรับปรุง และด้านการศึกษา อยู่ในระดับต้องเร่งแก้ไข
“ ทั้งนี้พบว่าในปี 53 ที่ผ่านมา รายได้ของครัวเรือนเกษตร อยู่ที่ 140,844 บาทต่อครัวเรือนต่อปี เป็นรายได้จากการเกษตร 57,322 บาทต่อครัวเรือนต่อปี และมีหนี้สินอยู่ที่ 68,158 บาทต่อครัวเรือนต่อปี “ นายอภิชาตกล่าว
ทั้งนี้พบว่า ด้านเศรษฐกิจนั้นดัชนีเศรษฐกิจอยู่ในระดับ 68.06% อยู่ในระดับต้องปรับปรุง แต่เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่อยู่ที่ระดับ 67.63 ทั้งรายได้ครัวเรือน การออม และหนี้สินครัวเรือน ด้านสุขอนามัย อยู่ที่ระดับ 98.56% หรือระดับดีมาก เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่ 0.45 เนื่องจากรัฐมีนโยบายด้านคุณภาพอาหาร การให้บริการด้านความรู้ในการดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งเกษตรกรส่วนใหญ่มีที่อยู่อาศัยที่ถูกสุขลักษณะ ด้านการศึกษา อยู่ที่ระดับ58.62 หรือ ระดับที่ต้องเร่งแก้ไข แต่เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่ 0.77 โดยตัวชี้วัดที่สำคัญคือ สมาชิกครัวเรือนได้รับการศึกษาสูงกว่าภาคบังคับที่ดัชนี 53.00 เท่ากับปี 52 เนื่องจากมีปัญหาเรื่องค่าครองชีพ เกษตรกรได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในระดับที่ 63.33 จากปี 52 ที่อยู่ในระดับ 62.00 แต่ถือว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างต่ำเมือเทียบกับจำนวนแรงงานภาคเกษตร ด้านสังคม ดัชนีอยู่ที่ 91.91 ระดับที่ดีมาก เพิ่มขึ้นจากปี 52 ทีอยู่ที่ระดับ 91.52 เนื่องจากเกษตรกรมีความภูมิใจในอาชีพมาขึ้น แต่เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทำให้ได้รับผลกระทบต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทั้งปุ๋ย และน้ำมัน ซึ่งในครัวเรือนเกษตรมีความอบอุ่นมากขึ้น
มี การรวมกลุ่มมากขึ้น และผู้สูงอายุได้รับการเอาใจใส่มากขึ้น ซึ่งนโยบายด้านสังคมต้องมีการสนับสนุนในเรื่องนี้ต่อไป ด้านสิ่งแวดล้อม ค่าดัชนีอยู่ที่ 67.11 อยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุง ในปี 52 อยู่ที่ 66.52 ตัวชี้วัดคือพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมดอยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุง ร่วมทั้งการฟื้นฟูและการอนุรักษ์ทรัพยากรดิน ยังมีการดำเนินการน้อยเมื่อเทียบกับพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมทั้งหมดของประเทศ
นายสาโรจน์ อังศุมาลิน คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กล่าวว่า แม้ว่าสินค้าเกษตรไทยจะมีราคาสูงขึ้นแต่ต้องดูด้วยว่าเกษตรกรผู้ผลิตได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมหรือไม่เนื่องจากผลการศึกษาพบว่า รายได้ของครัวเรือนเกษตรกรมาจากรายได้ภาคเกษตรไม่ถึง50% นอกนั้นรายได้มาจากทางอื่น เพราะฉะนั้นหากรายได้ไม่มั่นคง ไม่จูงใจอนาคตไทยจะมีปัญหาวัยแรงงานภาคเกษตรที่ลดลง มาตรการประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาลไม่ได้แก้ไขทั้งหมด เพราะเมื่อการประกันรายได้เกิดทำให้ผู้ค้าเกิดความเสี่ยงในการจัดซื้อทำให้ผู้ค้ามากดราคารับซื้อ กลายเป็นว่ารัฐก็ต้องไปจ่ายเงินแทนในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามจากปัญหาอุทกภัยนั้น รัฐบาลต้องเร่งสร้างโครงการประกันพืชผลสินค้าเกษตร เพราะมิเช่นนั้นต่อไปรัฐบาลจะมีปัญหาด้านการเงินเพราะนำมาช่วยเหลือไม่ไหว