นักวิชาการจี้รัฐ-กองทัพเป็นเอกภาพแก้วิกฤต
การปฏิรูปทางการเมืองและสังคมเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ โดยต้องเป็นภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ด้วยการระดมความเห็นจากทุกภาคส่วน
การปฏิรูปทางการเมืองและสังคมเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ โดยต้องเป็นภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ด้วยการระดมความเห็นจากทุกภาคส่วน
หมายเหตุ – กลุ่มนักวิชาการที่ยืนยันความถูกต้องต่อสังคมจำนวน 303 คน ร่วมกันออกแถลงการณ์ เรื่อง “คัดค้านความรุนแรงที่ไร้สติ ต่อต้านการยุบสภาที่ไร้เหตุผล เร่งปฏิรูปการเมือง เพื่อเป็นทางออกต่อสังคม” มีรายละเอียดที่เป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต ดังต่อไปนี้
รัฐต้องรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด
รศ. สมชัย ศรีสุทธิยากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สมชัย
ขอขยายความแถลงการจุดยืนของนักวิชาการอย่างน้อย 303 คน ดังนี้
1. การชุมนุมทางการเมืองเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นความชอบธรรมที่สามารถดำเนินการได้ แต่การกระทำผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อสาธารณะ การใช้ความรุนแรงข่มขู่ และสร้างความรู้สึกหวาดกลัวแก่ประชาชน เป็นไม่ถูกต้อง และสังคมสมควรประนาม ดังนั้น ทางนักวิชาการสนับสนุนให้มีการชุมนุมโดยถูกต้องและอยู่ในกรอบของกฎกหมาย ไม่สร้างความรู้สึกหวาดกลัวให้สังคม แต่การชุมนุมของกลุ่มใดก็ตามที่ใช้ความรุนแรงด้วยการข่มขู่ให้เกิดความกลัวต่อสาธารณะ ทางกลุ่มนักวิชาการเห็นว่าเป็นการชุมนุมไม่ถูกต้องและขอประนาม
2. ข้อเรียกร้องเพื่อให้เกิดการยุบสภา เป็นข้อเรียกร้องที่ปราศจากเหตุผลอันควร การกล่าวอ้างถึงสังคมที่ไม่สงบ จนเป็นเหตุต้องยุบสภา จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เป็นเหตุผลที่ไม่เหมาะสมที่จะมาใช้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นแบบอย่างในอนาคตว่าใครก็ตามที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อยากให้ยุบสภา อยากให้รัฐบาลลาออก ก็จะใช้กระบวนการในการสร้างความรุนแรงขึ้นมาในสังคมเป็นการส่งเสริมให้เกิดแบบอย่างในการใช้กำลังรุนแรง และการกะเกณฑ์คนมาสร้างความเสียหาย เพื่อหวังผลในเชิงการเมือง จึง เป็นเรื่องรัฐบาลไม่จำเป็นต้องรับฟัง หรือ ต้องเจรจาด้วยแต่อย่างใด
“ผมเชื่อว่ากลุ่มพลังต่างๆในสังคมมีพลังไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อกลุ่มนี้ใช้วิธีการต่างๆ ทำให้รัฐบาลลาออกได้ ต่อไปในอนาคตกลุ่มอื่นๆก็จะใช้วิธีการเดียวกัน สังคมไทยก็จะไม่สามารถเป็นสังคมที่มีความสงบสุขต่อไปได้ ดังนั้น การยุบสภาต้องมีเหตุผล ถ้ามีเหตุผลเพียงพอทำได้ แต่ถ้าเหตุผลแค่การผ่อนคลายสถานการณ์จากความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ” นายสมชัย กล่าว
3. รัฐบาลจำเป็นต้องรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะสังคมไทยเป็นสังคมนิติรัฐ ดังนั้น หากสิ่งใดก็ตามที่เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายและก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคม เราคิดว่ารัฐบาลควรเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่สังคม เพื่อให้สังคมกลับไปสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เป็นหน้าที่ที่รัฐต้องเร่งรีบดำเนินการ ก่อนที่บ้านเมืองจะเสียหายไปมากกว่านี้
4. การปฏิรูปทางการเมืองและสังคมเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ โดยต้องเป็นภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ด้วยการระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนมามองปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหา ความยากจน และปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น และร่วมกันออกแบบกลไกเพื่อการปฏิรูปการเมืองและสังคม ถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดของรัฐบาลชุดปัจจุบัน และต้องทำด้วยความจริงใจ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลตั้งใจจะแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลต้องดำเนินการทันทีและจริงจังไม่ว่าจะมีการชุมนุมหรือไม่มีการชุมนุมก็ตาม
"เราไม่อยากเห็นทหารออกไปทำร้ายประชาชน แต่อยากเห็นทหารออกไปดูแลให้เกิดความเรียบร้อยในสังคมโดยไม่ทำร้ายประชาชน เพราะพลังของทหารสามารถทำได้อยู่แล้ว และที่ผ่านมาทหารก็ทำได้ดี แต่เป็นการดูแลทหารด้วยกันเองเท่านั้น แต่ไม่ดูแลประชาชน เช่น การที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าจะไปกรมทหารราบที่ 11 ทหารได้แสดงพลังจนสามารถหยุดการเคลื่อนไหวได้ รวมถึงการที่ผู้ชุมนุมจะเข้าไปทำเนียบก็สามารถหยุดได้ ดังนั้นสภาพที่เป็นอยู่จึงรู้สึกผิดหวังกับกองทัพที่ไม่สามารถดูแลประชาชนได้ ผมย้ำว่าไม่ยุให้ทหารปฏวัติรัฐประหาร และไม่ได้ให้ออกมาทำร้ายประชาชน แต่ให้ออกมาใช้พลังที่ตัวเองมีอยู่คืนความปกติสุขให้สังคม”
อย่าปล่อยให้คนทำผิดอยู่เหนือกฎหมาย
ศ.นพ.ประมวล วีรุตมเสน คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประมวล
ขอยืนยันจุดยืนของตัวเองที่คิดและถามตัวเองอยู่ตลอดเวลา คือการ อยากเห็นความถูกต้องและเป็นธรรมในสังคมให้เกิดขึ้น ไม่อยากเห็นสังคมแตกแยกและกระทำการรุนแรงซึ่งกันและกัน มีคนถามว่าผมเสื้อสีอะไร ผมบอกว่าผมเป็นเสื้อที่ไม่มีสี เพราะสังคมเราใช้สีเป็นสัญลักษ์ของความเชื่อเท่านั้น เหลือง แดง ขาว แต่สัญลักษณ์ดังกล่าวกลับไม่นำไปสู่ของการตั้งคำถามว่าได้สื่อให้เห็นว่าสัญลักษณ์ที่ถืออยู่นั้นนำไปสู่เรื่องความถูกต้องและเรื่องความเป็นธรรมในสังคมหรือไม่
ดังนั้น อยากให้ข้อคิดว่า ส่วนตัวอยากมองเห็นสังคมไทยทุกหมู่เหล่าไม่ว่าจะยากดีมีจน ซึ่งตนเองตระหนักถึงความเดือดร้อนของทุกคนว่า เราต้องให้ความเป็นธรรมกับคนเหล่านั้น และต้องสร้างความถูกต้องให้กับเขาไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นเขา โดยเรามีกฎหมายเพื่อเป็นกติกาที่ทุกคนยอมรับ ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งมีความขัดแย้ง ต้องให้ศาลตัดสินและทุกคนต้องเคารพ
ดังนั้นการกระทำใดๆ ของกลุ่มคนใดๆทีไปละเมิดสิทธิคนอื่นที่แสนบริสุทธิ์ ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าวดีกว่า เพราะสังคมเราไม่สามารถยอมรับได้ เพราะประชาชนคนกรุงเทพฯและคนอื่นๆ อึดอัด เพราะเดือดร้อน ดังนั้น ณ จุดนี้พวกเราทราบดีว่าปัญหามันสะสมมาอย่างยาวนาน
“อยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลเห็นใจคนกรุงเทพฯและคนที่เดือดร้อน โดยรัฐบาลพึงมองเห็นสิทธิของเขาบ้าง เพราะคนอีกกลุ่มจะใช้สัญลักษณ์อะไรก็ตามมีสิทธิมากมายเหลือเกิน ทำให้ตนเองแม้ไม่ได้เกลียดชังคนเหล่านั้นแต่ก็ยอมรับไม่ได้ ทำไมคุณใช้สิทธิของคุณมากกว่าคนอื่น คุณใช้กติกาอะไร ผมคิดว่านี่คือความไม่ถูกต้อง รัฐบาลควรดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ให้เขาได้มีชีวิตเป็นปกติเหมือนเดิม ปกป้องคุ้มครองประชาชนให้ได้ ไม่เช่นนั้นท่านคงเป็นรัฐบาลต่อไปไม่ได้ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ พึงสังวรอย่างยิ่งว่าต้องเข้ามาดูแลปกป้องสิทธิอันชอบธรรมทุกคน ใครทำผิดต้องดำเนินการไม่ใช่ปล่อยปละละเลย ไม่เช่นนั้นสังคมเราก็คงโกลาหลวุ่นวายไปมากกว่านี้"
เร่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง
ศ.ดร.สุรชัย ศิริไกร อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สุรชัย
1.การเดินขบวนครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิที่เกินขอบเขตของการชุมนุมในระบอบประชาธิปไตย และเป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่นเป็นจำนวนมาก และถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ความขัดแย้งในสังคมจะเลวร้ายมากขึ้น 2.การเรียกร้องให้มีการยุบสภาภายใน 15 วันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องเพราะปัญหาการเมืองที่แท้จริง คือปัญหาที่เกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจการเมือง และมีมาอย่างยาวนาน โดยหลายปัญหาต้องใช้เวลาแก้ไข ดังนั้น การเร่งรัดและด่วนสรุปให้มีการยุบสภา จึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะกระบวนการแบบนี้จะเป็นกระบวนการซ้ำเหมือนภายเรือในอ่าง
ทั้งนี้ปัญหาที่คู่กับการเมืองไทยโดยตลอด คือ เรื่องช่องว่างของคนในสังคม ช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท ที่นับวันจะกว้างและรุนแรงมากขึ้นจนเป็นสาเหตุให้มีการหยิบยกขึ้นมาโจมตี ดังนั้น รัฐต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ รวมถึงปัญหาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน โดยสิ่งเหล่านี้ต้องมีการพูดให้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการสร้างความเป็นธรรมและยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะปัญหาเรื่องช่องว่างในสังคมเกิดจากปัญหาเหล่านี้ ที่คนเห็นว่าสังคมมีช่องว่างเพราะยังไม่มีความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันอย่างที่ควรจะเป็น
เราน่าจะใช้โอกาสนี้เร่งแก้ไขโดยให้พรรคการเมืองทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยปัญหาที่มีอยู่ เช่น การปฏิรูปที่ดิน ซึ่งเป็นประเทศเดียวในโลกที่ไม่เคยมีการปฏิรูปที่ดินอย่างแท้จริง และเป็นสาเหตุของความเหลื่อมล้ำ ช่องว่างในสังคมเกิดขึ้น ดังนั้น ปัญหาเหล่านี้ควรหยิบยกขึ้นมาเจรจาหรืออย่างน้อยควรอยู่ในแผนการพัฒนาของรัฐบาลทุกชุด เพราะหากเราสามารถแก้ปัญหาที่เป็นรากฐานได้ ปัญหาการเมืองก็จะยุติหรือลดน้อยถอยลงไปเอง
“ที่สำคัญข้าราชการทุกหน่วยเรา ควรจะทำต้องทำตามหน้าที่ตามกฎหมายที่ท่านมีอยู่ ไม่ควรจะที่ปล่อยเกียร์ว่างทำให้ประเทศชาติสังคมแตกแยกมากกว่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะตอนนี้ที่มีการใช้สื่อโจมตีบิดเบือนอย่างเลวร้ายที่สุด จากดำเป็นขาว จากขาวเป็นดำ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้จมาก่อน โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และเป็นช่องว่างที่แต่ละฝ่ายจะพยายามใช้สื่อเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองด้วยการสร้างความแตกแยกในสังคม
ดังนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องแก้ไขสิ่งเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นความแตกแยกในสังคมจะลึกและกว้างขึ้นเรื่อยๆ เพราะกลุ่มที่พยายามสร้างความแตกแยกพยายามให้กระทุ้งให้แตกแยกมากกว่านี้ ในอนาคตจะเป็นอันตรายมากกว่านี้ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องมีแผนการดำเนินการที่เด็ดขาด ยึดหลักกฎหมาย แต่ขณะเดียวกันต้องเปิดช่องว่างรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆเพื่อร่วมมือกันหาทางออก เพื่อให้ประชามติร่วมกัน เพื่อกันแก้ครหาว่าทำเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”
เพราะฉะนั้นการยุบสภา 15วันจึงเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องใช้เวลา 6 -9 เดือนเป็นอย่างน้อย ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่มีส่วนร่วมในการเจรจา ส่วนตัวยังเห็นว่าการเจรจาและระดมความเห็นของอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตนักการเมือง และกลุ่มต่างๆที่มีความเห็นทางการเมือง สามารถทำได้เพื่อให้สังคมไทยกลับมาสู่ภาวะปกติและพัฒนาประเทศต่อไป
ถึงเวลาปฏิรูปสังคมครั้งใหญ่
ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ประเทศชาติเข้าสู่ภาวะวิกฤตแล้วและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดเข้มแข็ง ทั้งนี้หวังว่าการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินน่าจะแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ทั้งนี้เชื่อว่าฝ่ายเสื้อแดงไม่เจรจากับรัฐบาลแน่นอน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้าไปเจรจากับประชาชน เช่น การทำประชามติเรื่องต่างๆ อาทิ เรื่องการแก้ไขรัฐะธรรม การยุบสภา การนิรโทษกรรม หลังจากนั้นก็ทำตามผลประชามติ
นอกจากนี้ต้องมาพิจารณาว่าสังคมไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะวันนี้ดูเหมือนว่าต้องเป็น “แดงจำยอม” ที่ไม่มีที่พึ่ง เพราะแต่เรื่องของสีแดง จนทำให้คนไม่อยากอยู่ในภาวะขัดขืน จนต้องเป็นแดงจำยอมว่าเป็นคนแดงไปด้วย ดังนั้น ต้องเกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่ทำให้เกิดการแก้ไขวิกฤตเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในสังคมไม่เช่นนั้นสังคมไทยจะไปไม่รอด ดังนั้น ต้อวมีการสังคายนาประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาการที่อาจจะมีการกระจายคุยกันในหลายๆ ภูมิภาค เพื่อนำข้อสรุปที่ตกผลึกมาแก้ไข
หยุดการบิดเบือนเร่งทำความเข้าใจประชาชน
นพ.สุธีร์ รัตนะมงคลกุล อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนทร์วิโรฒ
ทวี
ปัญหาของบ้านเมืองควรมีการกำหนดให้ชัดเจน ทั้งปัญหาเรื่องชนชั้นและเรื่องช่องว่างทางสังคมที่คนเสื้อแดงพูดถึง แต่การเสนอทางออกให้มีการยุบสภานั้น ต้องถามว่าเป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริงหรือไม่ และถ้าไม่ใช่ต้องทำอะไรก่อน ทั้งนี้ในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะคิดถึงเรื่อง บาดเจ็บล้มตายเท่านั้นจนทำให้ดูเหมือนว่ายังไม่เกิดความรุนแรง แต่ทำไมไม่มองเรื่องปัญหาชื่อเสียงบ้านเมือง เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการสัญจรที่กระทบต่อชีวิตด้วย ตรงนี้เป็นความรุนแรงหรือเปล่าม เพราะคงไม่ใช่รอให้คนบาดเจ็บล้มตายเพียงอย่างเดียว คนในประเทศควรต้องมีการพิจารณาด้วย
รวมถึงการให้ข้อมูลต่างๆ ต้องไม่มีการบิดเบือน เพราะชาวบ้านบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมีอีกมาก อีกทั้งสองฝ่ายควรให้ความจริงใจต่อกัน และการหาทางออกด้วยการเจรจาโดยผู้ที่มีอำนาจควรใช้อำนาจเพื่อให้บ้านเมืองได้อยู่ในความสงบสุข
ยุบสภาไม่แก้ปัญหา -คนไม่เห็นด้วยต้องกล้าแสดงออก
รศ.หริรักษ์ สูตระบุตร รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การยุบสภาจะไม่แก้ปัญหาใดๆ และจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่ทั้งสองฝ่ายต้องการชนะเลือกตั้ง ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นคงยากที่จะมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม หากมีการยุบสภาโดยเร็ว บ้านเมืองในขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤตที่สุดแล้ว อยากให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด และขอเรียกให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ไม่เป็นสันติ อหิงสา แสดงออก เพราะการบังคับใช้กฎหมายกับคนจำนวนมากแบบนี้คงเป็นเรื่องยาก และยังหากแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ควรทำตามที่ที่ประชุมอธิการบดี (ทปอ.)เสนอ ว่าให้มีการทำประชามติไปเลยว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่
บังคับใช้กฎหมาย-ปฏิรูปการเมืองอีกครั้ง
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตุลย์
ปัญหาเรื่องชนชั้นมีอยู่จริง แต่การยุบสภาไม่ใช่ทางออก แต่ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นตอนนี้คือการเรียกร้องให้มีการชุมนุมโดยข้อมูลที่เป็นเท็จ เพราะชาวบ้านไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นจริง ดังนั้น รัฐบาลและสื่อต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงอย่างเร็วที่สุด โดยเฉพาะการให้ข้อมูลกับผู้ชุมนุม ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะเกินการควบคุมเพราะจะมีการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง และคนที่เดือดร้อนคือทุกคนในประเทศ และประเทศชาติจะพ่ายแพ้ ระยะสั้นต้องปิดกั้นการให้มูลข่าวสารที่เป็นเท็จ
ในระยะยาวต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดแต่ต้องละมุมละม่อม โดยไม่อยากเห็นการบาดเจ็บล้มตายของฝ่ายใดทั้งสิ้น โดยต้องทำตามหลักสากล จากนั้นต้องมีการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจต่อไป
ในส่วนการทำหน้าที่ของทหารนั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้อ่อนแอมาก เพราะปล่อยให้มีการระเบิดในฐานที่ตั้งตัวเองหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอาย และหากทหารยังนิ่งเฉย ภาคประชาชนคงบอกว่า หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มภัย และหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้อยู่ เชื่อว่าประชาชนจะออกมาแน่นอน ซึ่งเราไม่อยากเห็นภาพนั้นแต่อยากเห็นทหารให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งไม่ใช่การสนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่เป็นการทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อคนทั้งประเทศ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เรื่องของคนเสื้อแดงที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของคนที่คัดค้านการยุบสภาด้วย ถึงจะเรียกว่าประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ทหารต้องทำหน้าที่
พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานมูลนิธิองค์กรกลาง และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด
สถานการณ์ในขณะนี้รัฐบาลต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือว่าเป็นไม้สุดท้ายที่ให้ใช้ทหารได้ แต่เราไม่ต้องการเห็นความรุนแรงด้วยการใช้ปืน แต่ทหารสามารถทำได้หลายทาง เช่น 1.การโชว์กำลังที่จะได้ผลก็ต่อเมื่อเป็นกำลังที่ประชาชนเกรงกลัวและนับถือ คือต้องเป็นกำลังที่มีระเบียบ มีวินัย ประชาชนจะเชื่อถือ 2. การเจรจาเพราะเราไม่อยากให้มีการใช้กำลัง ทหารสามารถเจรจาได้โดยต้องเป็นคนที่มีอำนาจและสามารถพูดรู้เรื่องและค่อยๆทำความเข้าใจกันไปเรื่อยๆ ทั้งนี้จากการติดตามข่าวรู้สึกไม่สบายใจ เพราะรู้สึกว่าทหารกับรัฐบาลไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความแตกแยกกัน โดยสิ่งที่ประชาชนจับตาดูคือการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่เป็นอำนาจของทหาร ซึ่งเป็นผู้ใช้กำลัง เพราะฝ่ายการเมืองแค่วางนโยบายเท่านั้น ดังนั้น คนที่รับผิดชอบต้องออกมาพูด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องออกมาพูด
“ทหารต้องทำ เพราะมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว อยากถามว่ากลัวอะไร ถ้าเป็นผมทำไปแล้วถ้าประชาชนไม่ชอบใจก็ปลดผมก็เท่านั้น ไม่เห็นต้องกลัวอะไร แต่วันนี้กลับไม่รู้ว่าใครเป็นคนปฏิบัติจริงๆ ดังนั้นต้องบอกว่าใครคือคนที่รับผิดชอบจริงๆกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจไม่ใช่ปล่อยให้ฝ่ายการเมืองพูดกับประชาชนอย่างเดียวแบบที่ผ่านมา เพราะประชาชนยังสงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ดังนั้น ต้องมีความกล้าหาญ ถ้าไม่ทำก็ลาออกไป”
ทั้งนี้ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเห็นว่าต้นตอมาจากการเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยเที่ยงธรรม ดังนั้นการแก้ปัญหาทางหนึ่ง คือการให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธ์เที่ยงธรรม ที่ไม่ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ดังนั้น การยุบสภาไม่ใช่การแก้ปัญหา ทั้งนี้รัฐบาลต้องชี้แจงความจริงให้ประชาชน โดยยอมรับไปเลยว่าเป็น อำมาตยาธิปไตย อีกฝ่ายเป็น ธนาธิปไตย ต้องมีการพูดให้ชัดเจนว่าจะเอาแบบไหน อย่ามาบิดเบือนดีกว่าว่าใครเป็นประชาธิปไตยมากกว่ากัน เพราะขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายใดเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง