posttoday

ซีอาร์จี ถอดบทเรียนฝ่าโควิด ชี้ กระแสเงินสด-โมเดลธุรกิจใหม่-เทคโนโลยี ช่วยให้ธุรกิจรอด

01 กรกฎาคม 2564

ซีอาร์จี ปรับตัวรับมาตรการห้ามนั่งกินในร้าน ขนทุกแบรนด์อาหารในเครือลุยเดลิเวอรี-ออนไลน์-เข้าโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ชี้3 แนวทางช่วยพยุงธุรกิจฝ่าโควิด

นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central Restaurants Group) หรือ ซีอาร์จี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีการแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการประกาศจากภาครัฐที่ห้ามการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายในร้าน ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล กระทบต่อธุรกิจร้านอาหารมากกว่าทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา ด้วยเพราะเป็นการกระทบต่อเนื่องในระยะเวลานาน เนื่องด้วยช่องทางการรับประทานในร้าน (Dine in) เป็นช่องทางรายได้หลัก ของธุรกิจร้านอาหารทั้งรายเล็ก ไปจนถึงรายใหญ่ และด้วยครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ให้ปิดบริการที่หน้าร้าน และร้านอาหารของ ซีอาร์จี กว่า 50% อยู่ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล

โดย ซีอาร์จี ได้ปรับตัวรับสถานการณ์ มุ่งดำเนินแผนงานที่เคยวางไว้ให้มีความยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นในด้านหลักๆ คือ ด้านการบริหารจัดการต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เหมาะสม และด้านการเพิ่มยอดขายเพื่อมาชดเชยรายได้ในส่วนที่หายไป จึงเร่งหาช่องทางอื่นที่เพิ่มรายได้ ทั้งในช่องทางเดลิเวอรี่ และออนไลน์ อาทิ เน้นช่องทางการจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซและระบบแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์, พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการเดลิเวอรี่ อาทิ เมนูแกร็บ แอนด์ โก (Grab & Go), เทคโฮม (Take home) และสินค้าพร้อมทาน (RTE product) เพื่อสะดวกต่อการรับประทานอาหารที่บ้าน พร้อมร่วมมือกับพันธมิตร Aggregator ชั้นนำทุกรายอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างวาไรตี้ด้านเมนู และโปรโมชั่นต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นยอดขาย

ขณะเดียวกัน ยังได้ปฏิบัติตามนโยบายรัฐ โดยรวมแบรนด์ร้านอาหารในเครือเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 2564 โดยใช้ G-Wallet ชำระค่าอาหาร และเครื่องดื่ม (เฉพาะทานที่ร้านหรือซื้อกลับบ้าน) ที่ร้านอาหารในเครือซีอาร์จี ทั้ง 17 แบรนด์ จำนวนกว่า 1,100 สาขา ทั่วประเทศ (ยกเว้นสาขาในฟู้ดคอร์ท) พร้อมจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย พร้อมรับเงินคืน E-Voucher สูงสุด 7,000 บาท และยังสามารถนำ E-Voucher กลับมาใช้จ่ายที่ร้านได้อีกต่อ ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. – 31 ธ.ค. 2564

สำหรับด้านพนักงาน บริษัทยังดูแลพนักงานทั้งหมด ทั้งเรื่องรายได้ตามความเหมาะสม, การให้พนักงานส่วนสำนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from Home), การจัดสรรวัคซีนแก่พนักงาน รวมทั้งแผนประกันภัยโควิด-19 ในกรณีพบติดเชื้อและคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่พนักงานทุกคน พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยร้านอาหารในเครือซีอาร์จี 13 แบรนด์ 999 สาขา ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA : Safety and Health Administration ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย และยังคงเข้มงวดในเรื่องของมาตรการความปลอดภัย ให้ไกลห่างโรคโควิด-19

“การแพร่ระบาดของโควิด-19 คงจะมีโอกาสเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยอาจเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อที่อาจจะทวีความรุนแรงขึ้น สิ่งสำคัญที่จะเข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ได้หลัก ๆ คือวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลายเพื่อรับการกลายพันธุ์ของเชื้อ แต่อย่างไรก็ตามเราทุกคนคงต้องอยู่กับสถานการณ์เช่นนี้ให้ได้ รวมทั้งขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการร้านอาหารทุกท่านที่ต่างก็โดนพิษโควิด-19 ซึ่งต่างก็ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด"

สำหรับซีอาร์จี ได้นำประสบการณ์จากผลกระทบที่ได้รับ มาเรียนรู้จนได้เป็นบทเรียนสำคัญ คือ 1. การรักษากระแสเงินสดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจ ระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายและต้นทุนต่าง ๆ ทั้งค่าแรง ค่าเช่า รวมถึงควบคุม waste ให้ดี 2. คิดหรือพัฒนาโมเดลใหม่ ๆ โดยการต่อยอดจากสิ่งที่มี เพื่อรองรับข้อจำกัดต่าง ๆ และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป 3. การนำเทคโนโลยีหรือเครื่องมือใหม่ ๆ เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ อย่างในแง่ธุรกิจร้านอาหารก็มี เดลิเวอรี่ ที่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหลักที่จะสามารถช่วยสร้างยอดขายได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะสามารถผ่านพ้นช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ได้โดยเร็ว” คุณณัฐ กล่าวในตอนท้าย