posttoday

สรท.หวังสูงปีนี้ส่งออกแตะ10% จี้รัฐเร่งจัดหาตู้คอนเทนเนอร์ลดต้นทุนขนส่ง

01 มิถุนายน 2564

สรท.ชี้ส่งออก 4 เดือนแรกโต 4.78 % ตามทิศทางเศรษฐกิจโลก ลั่นปีนี้มีโอกาสแตะ10-15% หากจัดหาตู้เปล่าป้อนเอกชนได้ ขณะที่รัฐต้องเร่งฉีดวัคซีนภาคอุตสาหกรรมดึงแรงงานกลับเข้าภาคการผลิต

ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึง การส่งออกเดือนเมษายน 2564 มีมูลค่า 21,429 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 13.09% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน  หากหักทองคำ น้ำมันและอาวุธยุทธปัจจัย การส่งออกขยายตัว 25.7%

ในขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 21,246 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 29.79% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ประเทศไทยเกินดุลการค้า 182 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ภาพรวมช่วงเดือนม.ค. - เม.ย. ปี 2564 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 85,577 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโต 6-7% โดยมีปัจจัยบวกสนับสนุนดังนี้  ได้แก่ 1แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าหลัก อาทิ สหรัฐอเมริกา มีการนำเข้าพุ่งสูงขึ้นเนื่องด้วยผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถผลิตสินค้าให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ทั่วโลกมีความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19

2.ราคาสินค้าในตลาดโลกมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน อาทิ ยางพาราแปรรูปขั้นต้น ผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันดิบและอุปสงค์ในตลาดโลกที่ขยายตัวจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้มูลค่าการส่งออกในสินค้ากลุ่มดังกล่าวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/2564

ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 2564 ได้แก่1. สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีความรุนแรงทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศในอาเซียน ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ล่าช้าออกไป 2. ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลนและอัตราค่าระวางที่ทรงตัวในระดับสูง แม้ภาครัฐจะประกาศอนุญาตให้เรือใหญ่ขนาด 400 เมตร เข้ามาในไทยได้และส่งผลให้มีการนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอ

ด้านค่าระวางที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น เกือบทุกเส้นทางโดยเฉพาะเส้นทางสหภาพยุโรป ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นทะลุระดับ 17,000 USD/FEU รวมถึงเส้นทางอื่น เช่น สหรัฐฯ ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง เนื่องด้วยปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว

3. สถานการณ์ความผันผวนของวัตถุดิบ อย่างกรณี ชิปขาดแคลน ส่งผลกระทบเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ต้องชะลอการผลิตเนื่องด้วยจำนวนสินค้าคงคลังที่เริ่มลดลงและ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะกระทบอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก รวมทั้งไทย มีแนวโน้มว่าสถานการณ์อาจยืดเยื้อไปถึงไตรมาสที่ 4  ขณะที่ สถานการณ์ราคาเหล็กในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จากการที่จีนปรับลดกำลังการผลิตเหล็กมากกว่าครึ่ง ทำให้เกิดภาวะ Short Supply ส่งผลกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตที่ต้องใช้วัตถุดิบเหล็กในการผลิต อาทิ บรรจุภัณฑ์โลหะ (อาหาร/เครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง) การก่อสร้าง ยานยนต์ เครื่องจักรกล เป็นต้น

4.ขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศจำนวนมากและยังไม่ได้เดินทางกลับเข้ามา ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคเกษตรที่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานประมาณ 2-3 แสนคน และรวมถึงผลต่อการต้องชะลอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศออกไป

อย่างไรก็ตามสรท. มีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจคือ 1.เร่งรัดการฉีดวัคซีนในภาคโลจิสติกส์และภาคการผลิต โดยเฉพาะ ท่าเรือ ท่าอากาศยาน หรือจุดเสี่ยงที่เป็น Gateway สำคัญของประเทศ 2. เร่งให้มีนำเข้าตู้เปล่าเข้ามาเพิ่มเติมโดยเร็วและบริหารจัดการ Space Allocation  โดย คาดการณ์ว่าการส่งออกทั้งปีอาจเติบโตได้ถึง 10-15% ภายใต้เงื่อนไขประเทศไทยต้องมีตู้คอนเทนเนอร์เปล่า เฉลี่ยประมาณ 2.01 - 2.25 ล้าน TEU/ปี  การจัดสรรพื้นที่  และค่าระวางอยู่ในอัตราที่เหมาะสม

3. เร่งนำแรงงานเข้าสู่ภาคการผลิต โดยเร่งรัดการหารือเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบและเงื่อนไขรูปแบบการจ้างแบบ Part time ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งในเรื่องของอัตราจ้าง ชั่วโมงการทำงาน และสวัสดิการที่นายจ้างและลูกจ้างได้ประโยชน์ร่วมกัน และ 4. เร่งปรับลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าวัตถุดิบ อาทิ ภาษีสินค้าเหล็กในการภาคการผลิต รวมถึงต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งออกสินค้า