posttoday

ผลวิจัยชี้มูลค่าภาคเกษตร-อาหารไทยหดตัวร้อยละ 6 จากวิกฤตโควิด-19

22 พฤษภาคม 2564

เอฟไอเอ ร่วมกับออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ เผยผลวิจัยล่าสุด ภาคอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารไทยหดตัวร้อยละ 6 ในปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นมูลค่า 2.28 แสนล้านบาท ส่งผลให้การจ้างงานลดลงร้อยละ 8 หรือ 730,000 คน โดยมีสาเหตุหลักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

องค์กรอุตสาหกรรมอาหารแห่งเอเชีย หรือ Food Industry Asia (FIA) ร่วมกับ Oxford Economics ได้จัดทำวิจัยเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยผลวิจัยในหัวข้อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจพบว่า ภาคอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่เผชิญกับความท้าทายในการฟื้นตัวเป็นอย่างมาก และได้คะแนนเพียง 4.9 จาก 10 จากผลการวิจัยเศรษฐกิจ 10 ประเทศในภูมิภาค ซึ่งประเทศที่ได้คะแนนต่ำกว่าไทย คือ ฟิลิปปินส์ และมีอินโดนีเซียรั้งท้าย การที่ประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโควิด อุตสาหกรรมอาหารไทยจึงมีความเปราะบางเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องพึ่งพาการท่องเที่ยว

โดยสัดส่วนการบริโภคอาหารของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ณ สิ้นปี 2562 คิดเป็นร้อยละ 9.5 ของการบริโภคอาหารทั้งหมดของประเทศ ในขณะที่มีการคาดการณ์ว่า โอกาสที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนเหตุการณ์การแพร่ระบาดน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี (ปี2567)

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลวิจัยในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมนี้อยู่ในสภาวะที่น่ากังวล เนื่องจากอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารในปี 2562 มีสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของมูลค่าเศรษฐกิจโดยรวม (4 ล้านล้านบาท) ทำให้เกิดการจ้างงานเกือบครึ่งหนึ่งของแรงงานทั่วประเทศ (17.9 ล้านคน) และสามารถสร้างรายได้จากภาษีให้แก่รัฐบาลมากกว่า 7.08 แสนล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญที่รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารรอดพ้นจากอุปสรรคและความท้าทายที่มีนัยสำคัญดังที่ปรากฏในผลวิจัย

นายวิศิษฐ์ ยังกล่าวด้วยว่ารายงานนี้บ่งชี้ถึงความสำคัญของภาคอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารที่มีต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากในขณะที่ประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด ภาคอุตสาหกรรมนี้กลับหดตัวลงในอัตราที่น้อยกว่าการหดตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้นอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารของเราจึงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างเต็มกำลังเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้”

และรายงานฉบับนี้ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่ามาตรฐานสากล ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับอุตสาหกรรมเกษตร-อาหาร เนื่องจากรัฐบาลอาจเลือกใช้วิธีการขึ้นภาษีเพื่อนำเงินไปใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยส่วนหนึ่งของรายงานการประเมินความเสี่ยงด้านนโยบายการคลังแสดงให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ว่าประเทศไทยจะใช้การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มหลังสถานการณ์โควิด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ประเทศไทยจะเผชิญกับความเสี่ยงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียจากการที่ภาคอุตสาหกรรมอาหารและผู้บริโภคจะต้องแบกรับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น

ภาคอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารของไทยเผชิญกับความเสี่ยงอย่างมากจากการปรับนโยบายการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 การดำเนินนโยบายการคลังโดยมีการวางแผน การวางเป้าหมาย และการสื่อสารอย่างรอบคอบจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากการออกนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อประคับประคองภาคธุรกิจ ซึ่งรวมถึงภาคอุตสาหกรรมเกษตร-อาหาร และการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน

ผลวิจัยชี้มูลค่าภาคเกษตร-อาหารไทยหดตัวร้อยละ 6 จากวิกฤตโควิด-19