ชง 4 แนวทางปลดล็อกกระจายวัคซีนล่าช้า
สอท.ถกด่วน เสนอมาตรการขับเคลื่อนวัคซีนเร็วขึ้น เพิ่มหลังพบปัญหาคอขวด เพิ่มจุดบริการฉีดในปั๊มบางจาก-รง.อุตสาหกรรม สร้างแพลตฟอร์มวัคซีนพาสปอร์ตเรียกเชื่อมั่น เปิดกว้างเอกชนนำเข้าวัคซีน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมกรรมการบริหาร ส.อ.ท. ได้พิจารณาวาระเร่งด่วนเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยเห็นว่าการฉีควัคซีนให้รวดเร็วและครอบคลุมจะช่วยป้องกันและลดจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศได้ แต่การขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนยังคงประสบปัญหาคอขวด ทั้งจำนวนวัคซีนที่ไม่พอเพียงต่อจำนวนประชากรในประเทศ
การฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างล่าช้าเนื่องจากบุคคลากรที่สามารถฉีดได้ไม่พอเพียง (บุคคลากร และสถานที่) ปัจจุบันมีเพียงแพทย์และพยาบาลเท่านั้นที่สามารถฉีดวัคซีนได้ และปัญหาเรื่องการกระจายวัคซีน ตลอดจนการสร้างความเชื่อมั่นหลังการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้จากการระดมความเห็นได้สรุปแนวทางเพื่อร่วมแก้ปัญหา ไว้ดังนี้ 1.เสนอให้ภาครัฐเปิดกว้างให้ภาคเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐ เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถเข้าถึงวัคซีนด้วยความรวดเร็วรวมถึงลดภาระการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐ
2. ปัญหาด้านอัตราการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างล่าช้า เสนอให้ภาครัฐเร่งผลิตบุคคลากรที่สามารถดูแลการฉีดวัคซีนได้เฉพาะกิจ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงแพทย์และพยาบาลที่เป็นวิชาชีพที่สามารถฉีดวัคซีนได้ โดยอบรมนักศึกษาแพทย์ / เภสัชกร ให้สามารถทำการฉีดวัคซีนและสังเกตุอาการก่อนฉีด และหลังฉีดได้ โดยสอท.ร่วมกับแพทยสภาจัดการฝึกอบรมออนไลน์ด้วยแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญผ่านแพลตฟอร์ม FTI Academy เพื่อเพิ่มบุคคลากรที่สามารถทำการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้
ขณะเดียวกันต้องเพิ่มสถานที่ในการบริการการฉีดวัคซีน โดย ได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีพื้นที่สำหรับจัดเป็นจุดฉีดวัคซีนเพิ่มเติมดังนี้ ปั้มน้ำมันบางจากทั่วประเทศ (1,200 กว่าสถานี) และโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ
3. เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาแผนการกระจายวัคซีนเพื่อช่วยภาครัฐในการวางแผนการกระจายวัคซีนให้อย่างรวมเร็วและมีประสิทธิภาพ
4. เสนอให้จัดทำแพลตฟอร์มวัคซีนพาสปอร์ตเพื่อใช้สำหรับการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประเทศ
“การแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่จะต้องร่วมมือร่วมใจกัน ส.อ.ท. มีความพร้อมในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยบรรเทาความรุนแรงของการแพร่ระบาด รวมถึงการผลักดันให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าในการฟื้นฟูประเทศได้อย่างรวดเร็ว”