posttoday

ปตท.ทุ่ม 1.6 พันล.ลุยธุรกิจยาไต้หวัน

17 เมษายน 2564

ปตท.ส่ง บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) ลงทุนใน LOTUS Pharmaceutical ขยายพอร์ตธุรกิจยาในต่างประเทศซื้อหุ้นเพิ่มทุน มูลค่า 1,600 ล้านบาท

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) (บริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100%)  ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท Lotus Pharmaceutical จำกัด (Lotus Pharmaceutical Co., Ltd.) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยาสามัญชั้นนำ (Innovative Medicines) ในตลาดเกาหลี สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน เพื่อสนับสนุนการเข้าสู่ธุรกิจ Life Scienceหรือชีววิทยาศาสตร์ ตามทิศทางกลยุทธ์การขยายธุรกิจใหม่ New S-Curve ของ กลุ่ม ปตท.

การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้มีผลหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท Lotus Pharmaceutical เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 ได้มีมติอนุมัติขายหุ้นเพิ่มทุนให้ อินโนบิก (เอเซีย) 17,517,348 หุ้น ในราคา 80.7 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,600 ล้านบาท สัดส่วนการถือครองหุ้น 6.66% นับเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 รองจากกลุ่ม Alvogen บริษัทเภสัชกรรมนานาชาติเอกชนขนาดใหญ่ ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพของบริษัทอินโนบิก (เอเซีย) ในการสนับสนุนการตลาดและโอกาสการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน

“ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นไปตามทิศทางการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตร เพื่อผสมผสานความเชี่ยวชาญ ต่อยอดองค์ความรู้ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน โดย Lotus Pharmaceutical ถือเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ในระยะยาว ด้วยการดำเนินธุรกิจยาสามัญชั้นนำครบวงจรตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายในตลาดเกาหลี สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน เป็นที่ยอมรับในมาตรฐานระดับสากล ตลอดจนการมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่มุ่งเสริมสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประชาชนในภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ อินโนบิก (เอเซีย) ที่มุ่งเน้นสร้างความมั่นคงแก่สาธารณสุขไทยและภูมิภาค โดยการลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ คือ ยา อาหารเพื่อสุขภาพ วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ การเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวในการดำเนินตามกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ Life Science ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม”