posttoday

กกร.ชี้เศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอปัจจัยลบรุม ห่วงว่างงานกว่า 2 ล้านคนจากพิษโควิด

09 กันยายน 2563

กกร.เกาะติดทิศทางเศรษฐกิจไทย หวังคลายล็อคดาวน์จะเริ่มพลิกฟื้น คาดปีนี้จีดีพีติดลบ 9% ห่วงตลาดแรงงานตกงานเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านคน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่าที่ประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถานบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบันได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือนก.ค. 2563 หดตัวน้อยลง ต่อเนื่องจากเดือนมิ.ย. ภาคครัวเรือนมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดยาว รวมถึงการคลายล็อกกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ แต่โดยรวมเศรษฐกิจยังอ่อนแออยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน

ทั้งนี้เชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 สำหรับทั้งปี 2563 กกร. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจหดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% ขณะที่คงประมาณการการส่งออกในปี 2563 ว่าอาจจะหดตัวในกรอบ -12.0% ถึง -10.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง -1.0%

อย่างไรก็ตามด้านสถานการณ์ตลาดแรงงานน่าเป็นห่วง โดยมีผู้ว่างงานทั้งหมดแล้วกว่า 7 แสนคน ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 และยังมีผู้มีงานประจำแต่ปัจจุบันไม่ได้ทำงานอีกกว่า 2.5 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคนเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2562

สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2563 เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง โดยต้องเผชิญกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเสีย momentum การฟื้นตัว หลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสองในหลายประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญ เช่น กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นตัน ทำให้แรงขับเคลื่อนของการฟื้นตัวเหลือแค่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน เป็นหลัก จึงต้องติดตามว่าทั้งสองประเทศนี้จะสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการระบาดรุนแรงได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีอุปสรรคอยู่มาก

นอกจากนี้ปัจจัยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)ปรับยุทธศาสตร์นโยบายการเงิน เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2563 เป็นความเสี่ยงให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปีค่าเงินบาทยังมีแรงหนุนแข็งค่าจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังจะมีการเกินดุลต่อเนื่องและจะเกินดุลเพิ่มหากมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาผ่านมาตรการ Travel Bubble

ขณะที่ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนมีโอกาสผันผวนมากขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ การเปิดรับความเสี่ยงของนักลงทุน(Risk-On sentiment)ในตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ไม่อิงกับปัจจัยพื้นฐาน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ