เปิดอาณาจักร 3 ธุรกิจ “ณพ ณรงค์เดช”

แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา“ณพ” ต้องเจอกับอุปสรรคในหลายๆ เรื่องแต่ก็พยายามฝ่าฟันปัญหาให้มีทางออกที่ดีที่สุด

ด้วยโปรไฟล์ส่วนตัว แม้จะมีพื้นฐานของธุรกิจครอบครัวอยู่แล้ว คือ กลุ่มเคพีเอ็น กรุ๊ป  แต่ “ณพ” ก็เริ่มต้นชีวิตทำงานเป็นวิศวกรฝึกหัดที่บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากนั้น จึงได้มาช่วยบริหารงานธุรกิจให้บิดา-มารดา

จนถึงปัจจุบันนี้  “ณพ” ได้อาศัยประสบการณ์ที่โลดแล่นในวงการธุรกิจ สร้างอาณาจักรที่เป็นของตัวเองถึง  3 ธุรกิจด้วยกัน ได้แก่ 1. บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด  หรือ WEH (ธุรกิจพลังงาน) 2.บริษัท นวเวช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ธุรกิจโรงพยาบาล  และ 3. บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด (โรงเรียนสอนดนตรีและภาษา) 

สำหรับ บริษัทวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ หรือ WEH นับเป็นธุรกิจพลังงานที่ “ณพ” ให้ความสนใจมาโดยตลอดปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นถึงศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยและสอดรับกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือพีดีพี ที่ต้องการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลม จนกล้าประกาศจะเป็นผู้นำธุรกิจไฟฟ้าพลังงานลมรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

ปัจจุบัน WEH มีโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมรวมทั้งสิ้น 8 โครงการ ในจังหวัดนครราชสีมาและชัยภูมิ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 717 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประกอบไปด้วย

1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม FKW กำลังผลิตติดตั้ง 103.5 MW เริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์(COD)ปี2555

2.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KR2  กำลังผลิตติดตั้ง 103.5 MW เริ่ม COD ปี 2556

3.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม WTB กำลังผลิตติดตั้ง 60 MW เริ่ม COD ปี 2559 

4.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T1 กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ปี 2561 

5.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T2 กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ปี 2561 

6.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T3 กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ปี 2561 

7.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม NKS กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ปี 2561 

8.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T4 กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ไตรมาส 1 ของปี 2562 

ณพ กล่าวว่า ตั้งแต่โครงการเริ่ม COD ในปี 2555 จนถึงขณะนี้ WEH สร้างรายได้เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยปี 2562 มีรายได้รวม 12,058 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,888 ล้านบาท ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวม 4,320 ล้านบาท  และกำไรสุทธิ 1,261 ล้านบาท ด้วยทุนจดทะเบียน 1,088 ล้านบาท 

เป้าหมายต่อไปของ WEH คือ การะดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน และการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่อไป 

สานต่อความฝันโรงเรียนดนตรีของมารดา

สำหรับธุรกิจโรงเรียนดนตรีและสอนภาษา เป็นธุรกิจที่ “ณพ”ให้ความสำคัญ เช่นกัน นั่งควบในตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารบริษัท   เนื่องจากต้องการสานต่อเจตนารมณ์ขอคุณหญิงพรทิพย์  ณรงค์เดช  ผู้เป็นมารดา ซึ่งเป็นบุคคลที่ในแวดวงดนตรีและศิลปะต่างให้ความเคารพ เพราะเป็นผู้ที่สร้างโอกาสให้คนดนตรี ได้มีเวทีในการแสดงออก แสดงฝีมือ 

ทั้งนี้บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2543 เดินตามรอยหลักคิด ของคุณหญิง พรทิพย์ ที่เชื่อว่า “ดนตรีสามารถส่งเสริม และจรรโลงสังคมได้และดนตรียังมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและจิตใจของเยาวชน”

ปัจจุบัน ‘ณพ ณรงค์เดช’  ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี ประกอบธุรกิจโรงเรียนสอนดนตรีสากล ภายใต้แบรนด์ “KPN Music”   

กิตณรงค์  ติระขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานสนับสนุนธุรกิจ บริษัทเคพีเอ็น อะคาเดมี  จำกัด กล่าวว่า โรงเรียนสอนดนตรีเคพีเอ็น  เปิดมา 20 ปี ซึ่งครบรอบในปีนี้ ซึ่งผมได้เข้ามาทำงานตั้งแต่มีสาขาแรกและถือ เป็นธุรกิจที่คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ตั้งความหวังให้คุณณพทำเพื่อพัฒนาดนตรี และให้โอกาสเด็กได้เรียนรู้ 

ทั้งนี้คุณณพ ได้ขยายสาขาจนปัจจุบันมีโรงเรียนดนตรีทั้งหมด 50 สาขาทั่วประเทศ มีนักเรียนที่เข้าเรียนกว่า 3 หมื่นคน 

สำหรับคุณณพ แล้ว การได้เข้ามาร่วมงาน ถือเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์  เป็นคนทันสมัย และให้โอกาสในการทำงาน  เสนอไอเดียต่างๆพร้อมที่รับฟังในทุกๆเรื่อง ซึ่งจะให้หลักการทำงานว่า การบริหารโรงเรียนดนตรี ต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา  รวมทั้งต้องทำตัวให้ทันโลกติดตามเทรนด์ว่าในขณะนี้เด็กต้องการอะไร 

เคพีเอ็น มิวสิค คือโรงเรียนสอนดนตรีสากลทุกประเภท รวมถึงบัลเล่ต์และแดนซ์ และโรงเรียนสอนภาษาจีน รวมถึงการจำหน่ายเครื่องดนตรีทุกยี่ห้อ  ทั้งนี้จะให้ความสำคัญกับคุณภาพของการเรียน โดยคุณครูสอนดนตรีทุกคนจะต้องผ่านการ audition ตามระบบก่อน โดยจะมีการแบ่งระดับคุณครูออกเป็น 3 ระดับเพื่อควบคุมคุณภาพการเรียนการสอน 

สร้างธุรกิจเฮล์ทแคร์ ดันไทยฮับเอเชีย

นอกจากนี้ธุรกิจโรงพยาบาล ก็ถือเป็นความท้าทายของ “ณพ”  แต่ด้วยมุมมองที่เห็นการเติบโตทางด้านเฮล์ทแคร์ในประเทศไทย และปัจจัยหนุนจากภาครัฐ รวมทั้งภาคเอกชน พยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการแพทย์ของเอเชีย (Medical Hub of Asia)

ทั้งนี้ได้ใช้เงินในลงทุนสร้างโรงพยาบาลนวเวช  ขนาด  152 เตียง บนเนื้อที่ 8.5 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนเกษตร-นวมินทร์และถนนนวลจันทร์ ใช้เงินลงทุนระดับ  4,000-5,000  ล้านบาท  พร้อมทั้งชักชวนพันธมิตรกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาร่วมลงทุน ได้แก่  กลุ่มสหยูเนี่ยนและสหพัฒน์  

ปัจจุบันโรงพยาบาลนวเวช  ต้องเลื่อนกำหนดเปิดให้บริการไปอีก 1 ปี จากเดิม กำหนดไว้ในเดือนมี.ค. 2563 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด  

นายไกรวิน  ศรีไกรวิน  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นวเวช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า โรงพยาบาลนวเวชจะเปิดให้บริการทางด้านสุขภาพกับประชาชนทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับภูมิภาคทั้งในและนอกประเทศ เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ของชาติในการก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางการแพทย์ของภูมิภาคอาเซียน มีเป้าหมายสร้างระบบบริการสุขภาพ ทุกเชื้อชาติได้รับการบริการที่คุ้มค่า และปลอดภัย 

ขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรสนับสนุนที่มีสมรรถนะในด้านความรู้ทางคลินิก และเทคโนโลยีตลอดจนด้านบริการที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยครบครัน 

“สำหรับการได้มาร่วมงานกับ คุณณพ ณรงค์เดช นั้น เป็นคนมีเหตุผล และให้โอกาสในการตัดสินใจของบอร์ดบริหาร    โดยปล่อยให้การทำงานเป็นไปตามกลไกของบริษัท  ทำงานด้วยแล้ว รู้สึกสบายใจ”

ทั้งนี้ยอมรับจากสถานกาณณ์โควิดที่เกิดขึ้น เชื่อว่า ธุรกิจโรงพยาบาลจะมีการแข่งขันกันมากขึ้น  และต้องปรับรูปแบบการให้บริการภายในโรงพยาบาล ให้สอดรับกับวิถีใหม่ New Normal   โดยเน้นการรักษาสุขอนามัยมากขึ้นกว่าเดิม   เช่นอาจมีรูปแบบการสั่งยาจากที่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล  ซึ่งขณะนี้หลายโรงพยาบาลก็เริ่มนำมาใช้กันแล้ว  และมั่นใจหลังเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2564   โรงพยาบาลนวเวชฯจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามการเติบโตของ 3 กิจการภายใต้ร่มเงาของ “ณพ  ณรงค์เดช” มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า ด้วยความเป็นมืออาชีพ และประสบการณ์ที่หลากหลาย จะฟันฝ่ามรสุมต่างๆ  นำอาณาจักรที่สร้างขึ้นให้มีโอกาสเติบโตแบบยั่งยืน