ไฟเขียวขสมก.กู้เงิน7.8 พันล้าน คลังกำชับเร่งแผนฟื้นฟูกิจการ
ครม.อนุมัติให้ขสมก.กู้เงินเสริมสภาพคล่อง 7,895 ล้านบาท หลังยังแบกหนี้สะสมกว่า 1.2 แสนล้าน ด้านคลัง-สำนักงบฯจี้คลอดแผนฟื้นฟูกิจการโดยเร็วหวังแก้ไขหนี้สิน หารายได้เพิ่ม
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 7,895 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้
ทั้งนี้เงินกู้ดังกล่าวจะนำไปใช้เป็นเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงานในการให้บริการขนส่งสาธารณะ แยกเป็น ค่าเชื้อเพลิง 3,219 ล้านบาท ค่าเหมาซ่อม 1,642 ล้านบาท และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน 3,033 ล้านบาท
ขณะที่กระทรวงการคลังมีความเห็นว่าขอให้กระทรวงคมนาคมและ ขสมก.เร่งจัดทำและดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างจริงจัง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็วและไม่เป็นภาระต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ด้านสำนักงบประมาณให้ความเห็นว่าควรให้ ขสมก.เร่งเสนอแผนฟื้นฟูกิจการที่ปรับปรุงใหม่ให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะแนวทางการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย และการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน เพื่อลดภาระของรัฐบาล
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ครม.เคยมีมติอนุมัติให้กู้เงินรวม 70,502 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 1.มติ ครม.วันที่ 8 ส.ค. 2560 อนุมัติให้กู้เงินเพื่อนำไปชำระค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมของรถปรับอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 2,833 ล้านบาท
2.วันที่ 19 ก.ย. 2560 อนุมัติให้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 26,782 ล้านบาท,
3. วันที่ 6 ก.พ. 2561 อนุมัติให้กู้เงินเพื่อชำระหนี้เงินต้นที่จะครบกำหนดชำระวันที่ 1 มี.ค. 2661 วงเงิน 2,962 ล้านบาท และอนุมัติให้กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 2,013 ล้านบาท
4. วันที่ 7 ส.ค. 2561 อนุมัติให้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 15,374 ล้านบาท ,
5. วันที่ 16 ต.ค. 2561 อนุมัติให้กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 9,217 ล้านบาท
6.วันที่ 4 มิ.ย. 2562 อนุมัติให้กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 11,319 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ณ วันที่ 30 พ.ย. 2562 ขสมก.มีหนี้สินค้างชำระรวม 122,102 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเก็บค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุนและไม่สามารถปรับค่าโดยสารเพิ่มขึ้นได้ตามสภาวการณ์
ปัจจุบันภาระหนี้ที่เกิดขึ้นแยกเป็น หนี้พันธบัตรเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย 57,673 ล้านบาท, หนี้เงินกู้ระยะยาวพร้อมดอกเบี้ย 56,318 ล้านบาท, หนี้ค่าเชื้อเพลิง 113 ล้านบาท , หนี้ค่าเหมาซ่อม 252 ล้านบาท, หนี้ภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงาน 1,560 ล้านบาท, หนี้กองทุนบำเหน็จพนักงาน 4,362 ล้านบาท และหนี้สินอื่น ๆ 1,822 ล้านบาท
สำหรับประมาณการเงินสดรายรับรายจ่ายของ ขสมก.ประจำปีงบประมาณ 2564 มีดังนี้ ประมาณการรายรับเงินสด 9,579 ล้านบาท ประมาณการรายจ่ายเงินสด 42,665 ล้านบาทส่งผลให้ติดลบ 33,085 ล้านบาท