เศรษฐกิจสัญญาณดี เงินเฟ้อติดลบน้อยลง กำลังซื้อในประเทศกลับมา
‘พาณิชย์’ จับสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลังเงินเฟ้อเดือนก.ค.ติดลบ 0.98% แนวโน้มลดลงสะท้อนกำลังซื้อเริ่มกลับมา หมวดอาหารสดขยายตัวในรอบ3 เดือนหลังรัฐคลายล็อคมาตรการโควิด
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง สถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนก.ค. 2563 ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนก.ค.เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลง 0.98 % และปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการหดตัว 1.57 % ในเดือนก่อน
ขณะที่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเทียบกับเดือนมิถุนายน 2563 สูงขึ้น 0.66 %(MoM) และเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค.- ก.ค.) ปี 2563 ลดลง 1.11% (AoA)
ทั้งนี้มีปัจจัยจาก 4 ด้าน คือ1.ราคาพลังงานที่เริ่มทรงตัว ส่งผลให้อัตราการหดตัวของราคาพลังงานในเดือนนี้ลดลง 2. อาหารสดกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 3 เดือน ตามความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นจากการเปิดภาคเรียนใหม่ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ รวมทั้งการเกิดโรคระบาดสุกรในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ความต้องการสุกรในประเทศเพิ่มขึ้น
3. มาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ โดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้า ประปา ได้สิ้นสุดลง และ 4. การจัดโปรโมชั่นด้านราคาสินค้าและบริการของผู้ประกอบการเริ่มลดน้อยลง โดยเฉพาะในหมวดอาหารบริโภคนอกบ้าน เนื่องจากสถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติ
การปรับตัวดีขึ้นของเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 นั้น สอดคล้องกับการปรับตัวดีขึ้นของเครื่องชี้วัดด้านอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการใช้จ่ายภายในประเทศ ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์และรถยนต์เชิงพาณิชย์ ชี้ว่าปัจจัยด้านอุปสงค์ในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญของการปรับตัวดีขึ้นของเงินเฟ้อในเดือนนี้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนส.ค.2563 ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ความผันผวนของราคาพลังงานโลก และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดบกระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2563 ที่ ติดลบ 1.5 ถึง 0.7 (ค่ากลางอยู่ที่ -1.1)
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนก.ค. 2563 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 41.0 จากระดับ 42.5 ในเดือนก่อน ซึ่งการปรับตัวลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดว่ามีสาเหตุสำคัญจากความกังวลของประชาชนต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้ประเทศไทยจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่ในหลาย ๆ ประเทศยังประสบปัญหาการระบาดระลอกที่ 2 และความผันผวนทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ถึงแม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม คาดว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ภาครัฐออกมาเพื่อดูแลประชาชนและภาคธุรกิจ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว น่าจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ในระยะต่อไป