posttoday

เวทีรับฟังความเห็นโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ฯครั้งที่ 2 ผ่านฉลุย

05 สิงหาคม 2563

กฟผ.เดินหน้าจัดทำรายงาน EIA โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1-2 เปิดรับฟังความเห็นครั้งที่2 เร่งทำความเข้าใจประชาชน พบยังห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อม

นางศรีวรรณ บูรณโชคไพศาล ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เปิดเผยวว่ากฟผ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 

2 โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1-2  ระหว่างวันที่ 3-4 ส.ค.เพื่อนำความคิดเห็นที่ได้ไปจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ให้ครบถ้วนสมบูรณ์เกิดประโยชน์สูงสุดกับชาวสุราษฎร์ฯ และทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียให้มากที่สุด  

ทั้งนี้ทางบริษัท ซีคอท จำกัด รับผิดชอบในการจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2  เพื่อจัดทำร่างรายงานและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในรายงาน EIA (Environmental Impact Assessment) โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีชุดที่ 1 - 2 โดยมีผู้รับฟังความคิดเห็น จำนวน 1,127 คน และมีผู้แสดงความคิดเห็นด้วยวาจาจำนวน 19 คน  

นายจเร ขวัญเกิด ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า มีความยินดีที่ กฟผ. และบริษัทที่ปรึกษาได้จัดรับฟัง   ความคิดเห็น ครั้งที่ 2 เพื่อให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้มาร่วมรับฟังผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ ในแต่ละด้าน และร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการจัดทำโครงการฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นเมืองหลักของภาคใต้ มีอุตสาหกรรมและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพงัน และเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) มีความจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้เกิดไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับ โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1-2 จึงมีความจำเป็นและสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สามารถสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าให้จังหวัดและประเทศ 

ขณะที่นายขรรชัย เกรียงไกรอุดม ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม บริษัท ซีคอท จำกัด กล่าวว่า การจัดรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ให้ข้อมูลกับประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับรายละเอียดการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ รวมถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ยังเปิดให้ประชาชนในพื้นที่รวมถึงส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น องค์กรเอกชน  สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการ ให้ครอบคลุมครบถ้วน รวมทั้งการสำรวจ ทัศนคติและความคิดเห็นจากทั้งหน่วยงานและประชาชนในระดับครัวเรือน ระหว่างเดือนพ.ย. 2562 ถึงเดือนเม.ย. 2563 

สำหรับสิ่งที่ประชาชนยังมีความกังวลอาทิการดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การเปิดโอกาสให้เยาวชนและชุมชนท้องถิ่นเข้าทำงานในโรงไฟฟ้า การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การส่งเสริมให้โรงไฟฟ้าเป็นแหล่งเรียนรู้  ด้านพลังงาน การให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการพัฒนาชุมชนจากงบประมาณกองทุนพัฒนารอบโรงไฟฟ้านั้น ทุกข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ซึ่งบริษัทฯจะนำไปปรับปรุงรายงานEIA ของโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1 – 2 ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาต่อไป

อย่างไรก็ตามโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1 และ 2 เป็นโรงไฟฟ้าที่บรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยพ.ศ. 2561-2580 (PDP2018) เพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของภาคใต้โดยเฉพาะ ฝั่งอันดามันที่ยังขาดโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ พร้อมรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาคใต้

ทั้งนี้จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่มีการใช้ไฟฟ้ามากเป็นอันดับ 3 ของภาคใต้ โดยจะก่อสร้างบนพื้นที่โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีเดิม ซึ่งปัจจุบันได้หยุดดำเนินการแล้วเนื่องจากหมดอายุการใช้งานและยังเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมของระบบส่งไฟฟ้าอยู่แล้วจึงช่วยลดการก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้า ไม่เพิ่มต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าโครงการฯ มีขนาดกำลังผลิตติดตั้งสูงสุดประมาณ 1,660 เมกะวัตต์ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก และน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรอง มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(Commercial Operation Date: COD) ชุดที่ 1 ในปี 2570 และชุดที่ 2 ในปี 2572 ตามลำดับ