posttoday

อำพลฟูดส์โอดมะพร้าวขาดตลาดทำต้นทุนพุ่ง

01 ธันวาคม 2553

อำพลฟูดส์ โอดมะพร้าวขาดตลาด ราคามะพร้าวแพงที่สุดในรอบ 30 ปี ส่งผลต้นทุนพุ่ง 3 เท่า คาดรายได้ทั้งปีนี้พลาดเป้า 1,900 ล้านบาท เหลือ 1,650 ล้านบาท

อำพลฟูดส์ โอดมะพร้าวขาดตลาด ราคามะพร้าวแพงที่สุดในรอบ 30 ปี ส่งผลต้นทุนพุ่ง 3 เท่า คาดรายได้ทั้งปีนี้พลาดเป้า 1,900 ล้านบาท เหลือ 1,650 ล้านบาท

นายเกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซลซิ่ง ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกะทิชาวเกาะ น้ำแกงพร้อมปรุงรอยไทย เป็นต้น เปิดเผยว่า ปัจจุบันวัตถุดิบที่จะนำมาผลิตกะทิชาวเกาะ หรือมะพร้าวขาดตลาด และมีราคาสูงกว่าราคาปกติถึง 3 เท่า หรือจาก 20 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 100 บาทต่อกิโลกรัม สืบเนื่องมาจากปัญหาภัยแล้งในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ส่งผลให้ผลผลิตมะพร้าวในขณะนี้เหลือเพียง 10% จากปริมาณปกติ

“นอกจากนี้ ยังมีปัญหาภัยธรรมชาติ ศัตรูพืชที่ทำให้ต้นมะพร้าวยืนต้นตาย รวมถึงการที่เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่ให้ผลกำไรสูงกว่า เช่น ยาพาราง ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงส่งผลให้มะพร้าวในช่วงปลายปีนี้ขาดตลาด และยังตรงกับช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลของมะพร้าวที่จะออกผลผลิตพอดี” นายเกรียงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ภาวะขาดตลาดของมะพร้าวและราคาต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้บริษัทไม่สามารถผลิตสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ และส่งตามคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศได้ จึงส่งผลต่อรายได้และกำไรของบริษัทในช่วง 2 – 3 เดือนนี้ หรือตั้งแต่เดือน ธ.ค. 53 – ก.พ. 54 ลดลงราว 50% และผลกระทบดังกล่าวยังส่งผลต่อภาพรวมรายได้ของบริษัทที่คาดว่าจะมีรายได้ 1,900 ล้านบาท ในปีนี้ จะไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ หรือคาดว่าจะมีรายได้ที่ 1,650 ล้านบาท เท่านั้น

ทั้งนี้บริษัทคาดว่ามะพร้าวจะกลับมามีผลผลิตที่เพียงพอกับความต้องการของตลาดได้ในเดือน มี.ค. 2554 ซึ่งเป็นฤดูที่มะพร้าวออกผลผลิตพอดี แต่หากว่ามะพร้าวจะยังขาดตลาดอยู่บริษัทก็มองหาทางแก้ไขไว้แล้ว เช่น การนำเข้ามะพร้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย

นายเกรียงศักดิ์ เผยต่อว่า จากปัญหาภาวะมะพร้าวขาดแคลนในขณะนี้ส่งผลให้ภาครัฐได้แก่กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรหันมาสนใจเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวมากขึ้น ร่วมถึงมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนสมาคมมะพร้าวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อคงพืชที่ปลูกที่มีอยู่ประมาณ 4 แสนไร่ และช่วยพยุงราคามะพร้าวไม่ให้ตกต่ำ หรือสูงเกินไป

ปัจจุบันมูลค่าตลาดมะพร้าวสดและกะทิสดในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยมีมะพร้าวกะทิสำเร็จรูปมูลค่า 2,500 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และบริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดมะพร้าวกะทิสำเร็จรูป 80% ถือว่าเป็นผู้นำตลาด จากปีที่ผ่านมาบริษัทสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งไป 10% ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมา 70%

ทั้งนี้ บริษัทหันมาวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้บริษัทเสียส่วนแบ่งตลาดไปให้คู่แข่ง เพราะคู่แข่งหรือแบรนด์ อร่อยดี ชูความเป็นมะพร้าวกะทิสำหรับการทำขนม ดังนั้นในปีนี้บริษัทจึงปรับกลยุทธ์ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นมะพร้าวกะทิกลิ่นต่างๆ เช่น ใบเตย ควันเทียน สำหรับทำขนม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกกลุ่ม และรักษาส่วนแบ่งตลาดในปีหน้าให้อยู่ที่ 80% เท่ากับปีนี้