posttoday

สสว.คาดปีหน้าจีดีพีเอสเอ็มอีโต3.7-4%

01 ธันวาคม 2553

สสว.คาดปีหน้าจีดีพีเอสเอ็มอีโต3.7-4% และส่งออกขยายตัว 8.5% ชะลอตัวลงจากปีนี้ ผลจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และปัญหาค่าเงินบาท แนะผู้ประกอบการมุ่งทำตลาดอาเซียน อินเดีย และจีน

สสว.คาดปีหน้าจีดีพีเอสเอ็มอีโต3.7-4% และส่งออกขยายตัว 8.5% ชะลอตัวลงจากปีนี้ ผลจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และปัญหาค่าเงินบาท แนะผู้ประกอบการมุ่งทำตลาดอาเซียน อินเดีย และจีน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว.ได้ประมาณการเศรษฐกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในปี 2554 โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพีเอสเอ็มอี) จะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 3.7-4% ชะลอลงจากปี 2553 ที่อยู่ที่ระดับ 6.5-6.7% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่ชะลอตัวลง และแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท ที่จะส่งผลต่อการทำธุรกิจของเอสเอ็มอี

ขณะที่การส่งออกคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 7.5-8.5% และการนำเข้าขยายตัว 7.5-10.5% ซึ่งน่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ จากปี 2553 ที่การส่งออกขยายตัว 24-26% และนำเข้าขยายตัว 39-42%

สำหรับตลาดและสินค้าที่มีโอกาสที่ดีในปี 2554 ได้แก่ ตลาดอาเซียน เนื่องจากปัจจุบันตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่มีความสำคัญทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยในปี 2558 ตลาดอาเซียนจะรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) มีตลาดขนาดใหญ่ และประชากรมากกว่า 580 ล้านคน ซึ่งสินค้าที่มีโอกาสสูงในตลาดนี้ ได้แก่ ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง พลาสติก เครื่องจักรและคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า

ตลาดจีน การส่งออกสินค้าไทยไปจีนมีการเติบโตที่รวดเร็วมาก เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ โดยสินค้าที่มีโอกาสสูง เช่น ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง พลาสติก และเคมีภัณฑ์ สุดท้ายตลาดอินเดีย  เพราะอินเดียมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการเติบโตของรายได้ชนชั้นกลาง กลุ่มสินค้าไทยสอดคล้องกับประชากรอินเดียที่มีศักยภาพในการซื้อ นอกจากนี้ไทยได้ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย – อินเดีย จะยิ่งอำนวยความสะดวกด้านการค้ามากขึ้นถ้าผู้ประกอบการเข้าไปใช้สิทธิประโยชน์

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์เอสเอ็มอีในปี 2553 คาดว่าจีดีพีน่าจะขยายตัว 7.3% มีมูลค่า 9.41 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 37% ของจีดีพีประเทศ โดย 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2553) มีมูลค่าการส่งออก 1.31 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะจีน และญี่ปุ่น ซึ่งมีการขยายตัว 38.4% และ 19.2% แต่ตลาดสหรัฐอเมริกาลดลง 1%

นอกจากนี้ ประเทศที่มีการขยายตัวสูงใน 9 เดือนแรก คือ ฟิลิปปินส์ ขยายตัว 69.5% ซึ่งเป็นการขยายตัวในสินค้าธัญพืช น้ำตาล และผลิตภัณฑ์จากน้ำตาล พลาสติก

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า 9 เดือนที่ผ่านมาได้ปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีไปแล้ว 1.5 แสนล้านบาท ขยายตัว 46%  ซึ่งขยายตัวดีทั้งกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยธุรกิจที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อสูง ได้แก่ การก่อสร้างและค้าวัสดุก่อสร้าง

สำหรับปี 2554 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ประมาณ 3.5-4.5% โดยมีปัจจัยหลักจากการส่งออกที่อาจจชะลอตัว ทำให้เศรษฐกิจปีหน้าต้องะพึ่งการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งอาจจะปีรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 2.5-3% จาก 1.75% ในปีนี้ รวมถึงเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น