"สนธิรัตน์"ลุยงานต่อ เล็งต่ออายุตรึงราคาก๊าซหุงต้ม

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นเรื่องทางการเมือง ขณะนี้ยังเดินหน้าทำหน้าที่ดูแลนโยบายด้านพลังงานต่อเนื่อง โดยหวังจะเข้าไปมีส่วนช่วยลดผลกระทบให้กับประชาชนได้บ้าง โดยเตรียมพิจารณามาตรการลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชนจากการระบาดไวรัสโควิด-19 ลดราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ก.ก.ละ3 บาท หรือ ลดราคา 45 บาทต่อถัง (ขนาด15ก.ก.) จะต่ออายุออกไปหรือไม่ จากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ โดยขอประเมินภาพรวมและแนวโน้มราคาตลาดโลก ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้รับการผ่อนคลายอย่างไร

สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลราคาพลังงาน มีฐานะสุทธิกว่า 34,548 ล้านบาท ถ้าทิศทางราคาก๊าซเป็นไปตามที่เคยคาดการณ์ไว้ ยังมีความสามารถในการตรึงราคาแอลพีจีได้ไปจนถึงสิ้น โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯสุทธิจะอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท

"ขณะนี้กระทรวงพลังงาน มอนิเตอร์แนวโน้มราคาน้ำมันและก๊าซฯในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งเริ่มทยอยปรับขึ้นหลังทั่วโลกคลายล็อกดาวน์จากเหตุการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นสูงรวดเร็ว จนขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดดูไบไปแตะที่ 43 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นหน้าปั๊มน้ำมันของไทยยังเป็นไปกลไลตลาด"นายสนธิรัตน์กล่าว

รายงานข่าวเพิ่มเติมถึงฐานะกองทุนน้ำมันฯ วันที่ 7 มิ.ย. 2563 แยกเป็นเงินบัญชีน้ำมัน อยู่ที่ 40,852 ล้านบาท บัญชีแอลพีจีติดลบ 6,304 ล้านบาท ส่งผลฐานะกองทุนสุทธิ อยู่ที่ 34,548 ล้านบาท โดยใช้เงินไปดูแลราคาแอลพีจีเดือนละ 248 ล้านบาท และดูแลน้ำมัน 353 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ไหลออกจากบัญชี ยังถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ (9มิ.ย.) บริษัทเชลล์ ได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน ทุกชนิด 60 สต. และคาดว่าในช่วงเย็นผู้ค้าน้ำมันรายอื่นจะมีการประกาศราคาเช่นกัน