'มนัญญา' ชงมาตรฐานไอเอสโอคุมโรงงานผลิตสารเคมีเกษตร
เริ่มตั้งแต่นำเข้า การผลิต ถึงการจัดเก็บเมื่อสารหมดอายุ ระบุ 20 ปีที่ผ่านมาไม่เคยคุม ขอเริ่มสมัยนี้ เพราะชีวิตคนสำคัญกว่าสินค้า ยันไม่เคยมีผลประโยชน์
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ส่งร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้ให้กรมวิชาการเกษตร ไปยกร่างเพื่อคุมระบบการผลิตสารเคมีเกษตรตั้งแต่ต้นทางคือการนำเข้า การผลิต และรักษาสิ่งแวดล้อม และร่วมถึงการดูแลสุขอนามัยของพนักงานผู้ผลิต ตลอดจนการกำหนดให้ร้านค้าต้องปฏิบัติร่วมถึงการจัดเก็บสารเมื่อหมดอายุ เพื่อไม่ให้ตกค้างในตลาด เป็นการดำเนินการตามพรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 ถือว่าเป็นการคุ้มครองประชาชนเพื่อให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้าสารเคมีเหล่านี้ต้องรับผิดชอบต่อผู้บริโภค
โดยให้เวลาในการปรับปรุงบริษัท โรงงานผู้ผลิต 2 ปีนับแต่วันประกาศมีผลบังคับใช้ ร่วมถึงการคุมการโฆษณาที่เกินจริง และกำหนดด่านที่อนุญาตให้นำเข้าสารเคมีเกษตร ทั้งนี้กรมวิชาการได้นำร่างประกาศเปิดรับฟังความคิดเห็นตามกฏหมายเมื่อ 27 ม.ค.-63 - 12 ก.พ. 63 รวม 15 วัน พบว่ามีผู้มาแสดงความเห็น 10,258 คน เห็นด้วย 9,590 คน หรือ 93.49% ไม่เห็นด้วย 668 ราย หรือ 6.51%
ทั้งนี้ ได้ส่งร่างให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อพิจารณาวันที่ 20 ก.พ. 63 คาดว่าจะมีการเรียกประชุมภายในเดือนนี้ ซึ่งเมื่อมีหลักเกณฑ์สถานที่ผลิตที่กำหนดให้โรงงานที่ผลิตต้องมีมาตรฐานไอเอสโอ จะทำให้ทุกโรงงานที่ประสงค์จะผลิตสารเคมีเกษตร ต้องมีการรับรองมาตรฐานไอเอสโอ 3 ฉบับคือมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 มาตรฐานะจัดการสิ่งแวดล้อม ISO14001 และปฏิบัติการต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO /IEC 17025 ด้านการวิเคราะห์อันตราย
"ที่ผ่านมา 20 ปี การกำหนดมาตรฐานี้ไม่เคยมี แต่ดิฉันเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ ประเทศไทยเป็นแหล่งการเกษตร ทำไมปล่อยให้โรงงานผลิตสารเคมีเกษตรไม่มีมาตรฐานไอเอสโอ ทั้งที่ใช้กับสินค้าเกษตร ในขณะที่โรงงานผลิตอิฐ หิน ปูน ทราย ยังต้องมีไอเอสโอ ดังนั้นคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมีคนขึ้นมารุมค้านหรือต่อว่า หรือกล่าวหากันลอยๆ เพราะดิฉันไม่มีผลประโยชน์กับใคร เต่ที่ทำก็เพื่อประชาชนที่จะได้บริโภคพืชผักที่ปลอดภัยและจะเป็นมาตรฐานของประเทศต่อไป และต่อไปการผลิตสารเคมีเกษตร 1 สารจะต้องมีเพียง 1 ยี่ห้อเท่านั้น และทุกผลิตภัณฑ์สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ รวมถึงมีการกำหนดให้การจำหน่ายจะต้องมีผู้มีความรู้แนะนำ ต้องมีการอบรมการใช้ ไม่ใช่ปล่อยให้มีการซื้อขายกันง่ายๆ ใช้โดยขาดความรู้ทำให้เกษตรกรและประชาชนที่สัมผัสสารได้รับอันตราย" นส.มนัญญากล่าว
สำหรับร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมวิชาการเกษตร ได้จัดทำประกอบด้วย ร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิต การนำเข้าการส่งออก และการมีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ (ฉบับที่ ...)พ.ศ. .... ขึ้น โดยมีสาระสำคัญของร่างประกาศ คือกำหนดให้สถานที่ผลิตวัตถุอันตรายต้องได้การรับรองระบบมาตรฐานบริหารคุณภาพ ISO 9001ได้รับการรับรองระบบมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001และมีห้องปฏิบัติการซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC17025 ด้านการวิเคราะห์วัตถุอันตรายจากสถาบันการตรวจรับรองมาตรฐาน โดยหน่วยงานมาตรฐานในประเทศไทย ยกเว้นสถานที่ผลิตสารชีวภัณฑ์และสารสกัดจากพืช สถานที่ผลิตวัตถุอันตรายที่ผู้ประกอบการได้รับอนุญาตให้ดำเนินการผลิตวัตถุอันตรายอยู่ก่อนแล้วให้ระยะเวลาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะเวลาอีก 2 ปี นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
ทั้งนี้ไม่รวมถึงสถานที่ผลิตวัตถุอันตรายที่ผู้ประกอบการได้รับอนุญาตให้ดำเนินการผลิตวัตถุอันตรายที่ถูกจำกัดการใช้ ซึ่งในการป้องกันอันตรายผู้ปฏิบัติงานนั้น กำหนดให้มีการตรวจสุขภาพผู้ปฏิบัติงานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อป้องกันอันตรายจากการมีวัตถุอันตรายสะสมอยู่ในร่างกายตามที่กฏหมายกำหนด
นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ที่ปรึกษารมช.เกษตรฯกล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรและประชาชนก็ยังสับสนในเรื่องของการจัดการสารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิดที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติเมื่อ 22 พ.ย. 2562 ที่ออกมายังไม่มีการรับรองมติ เป็นผลให้ต้องไปใช้มติเดิมเมื่อ 23 พ.ค. 60 และประกาศกระทรวงเกษตรฯ 5 เม.ย. 2560 ที่จำกัดการใช้และต้องมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ใช้ และอบรมการใช้ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ขอให้กรมวิชาการเกษตร ทำรายละเอียดเพื่อให้ขึ้นไว้ในเวบไซด์ของกรมเพื่อให้ประชาชนรับทราบ
นอกจากนั้นประกาศกระทรวงเกษตรฯ 5 เม.ย. 60 กำหนดให้กรมวิชาการเกษตรต้องมีการตรวจสอบให้ร้านจำหน่ายต้องมีการแยก 3 สารเคมีไว้ในจุดจำหน่ายที่แยกจากสารเคมีทั่วไป การติดฉลากที่ชัดเจน และการตรวจสอบทะเบียนผู้อนุญาตให้ใช้สารเคมีได้โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้ฤดูการผลิต สำหรับสต๊อกสารเคมีทั้ง 3 ตัว ณ 22 ม.ค.63 รวม 22,534 ตัน เป็นพาราควอต 10,234 ตัน ไกลโฟเซต 10,500 ตัน คอลร์ไพริฟอส 1,700 ตัน มีร้านค้าจำหน่ายที่ขึ้นทะเบียน 13,221 แห่ง
ในขณะที่เครือข่ายมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งได้มาร่วมรับฟังคำแถลงกล่าวว่า ได้เตรียมยื่นมาตรา 157 ต่อรมว.กระทรวงอุตสาหกรรม อีกทั้งเรียกร้องว่าขอให้ กรมวิชาการเกษตร ทำรายละเอียดในการปฏิบัติสำหรับประชาชนและเกษตรกรที่จะใช้สารเคมี 3 ตัวด้วยเพราะในขณะทีกลุ่มเครือข่ายที่ติดตามและเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ก็ยังสับสนในเรื่องนี้ จึงเห็นว่าหน่วยราชการไม่ควรจะนิ่งเฉยกับการชี้แจงต่อประชาชน
ทั้งนี้ร่างประกาศกระทรวงเกษตรฯกำหนดให้การนำเข้า ส่งออก และนำผ่านซึ่งวัตถึอันตรายต้องดำเนินการในด้านศุลกากรที่กำหนดรายชื่อตามที่กำหนดเท่านั้น เช่นสำนักงานด่านศุลกรท่าเรือกรุงเทพ ด่านสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น
นอกจากนั้นยังออกร่างประกาศเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการโฆษณาวัตถุอันตรายทางการเกษตรที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ พ.ศ. ที่กหนดให้การโฆษณาสรรพคุณต้องเป็นไปโดยข้อเท็จจริงไม่อวดอ้างเกินจริง มีการแสดงคำเตือน และกำหนดวิธีการใช้ กำหนดวันเก็บเกี่ยวและกรณีวัตถุอันตรายสูงห้ามให้มีการโฆษณา