เตรียมทูลเกล้าฯ งบปีง63 เงินพร้อมเข้าระบบ 4 แสนล้าน

โฆษกรัฐบาลรับพรบ.งบปี 63 ถึงมือนายกฯ แล้วเตรียมทูลเกล้าฯ คาดถ้าได้รับโปรดเกล้าฯ ปดาห์หน้า จะมีเงินงบลงทุนเข้าระบบทันที 4 แสนล้าน ส่วนที่เหลือ 2.4 แสนล้าน ให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงเร่งทำโครงการเบิกจ่ายให้เสร็จ ผอ.สำนักงบฯ มอง เม.ย.นี้จะมีเงินหมุนศก.เต็มที่

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2563 ได้รับทราบผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2563 ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร์และวุฒิสภา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้รายงานแผนการการเร่งรัดงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่เตรียมการไว้ให้ ครม. ทราบ เมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ มีผลใช้บังคับแล้ว จะมีเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนเข้าสู่ระบบทันทีประมาณ 4 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือ 2.4 แสนล้านบาท จะขอให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงเร่งรัดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จัดทำแผนลงทุน และเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2563 ต่อไป

นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า หลังจากร่างจากงบประมาณประจำปี 2563 ผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว และได้ส่งกลับมาให้นายกรัฐมนตรี นายกฯ จะเก็บเอาไว้ 5 วัน จากนั้นในขั้นตอนต่อไปจะเสนอให้องคมนตรีเพื่อนำทูลเกล้าฯ และต้องรอการโปรดเกล้าฯ อีกระยะหนึ่ง ซึ่งหากได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว พ.ร.บ.งบประมาณก็มีผลบังคับใช้ในทันที

ทั้งนี้เมื่องบประมาณได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว เบื้องต้นสำนักงบประมาณจะเร่งจัดสรรเงินลงงบประมาณไปในทุกรายการ โดยเฉพาะงบประมาณรายจ่ายลงทุน ซึ่งมีวงเงินอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาทนั้น สามารถก่อหนี้ได้ตามระยะเวลาทันที 4 แสนล้านบาท เช่น รายการที่ผู้พันตามสัญญาในโครงการต่างๆ ซึ่งการเบิกจ่ายจะมีการทยอยการเบิกจ่ายงบประมาณลงไปตามลักษณะของโครงการนั้นๆ หากเป็นโครงการที่มีสัญญาระยะสั้น 1 ปีเมื่อส่งมอบงานเร็วก็มีการเบิกจ่ายเงินออกไปได้เร็วตามไปด้วย หากเป็นโครงการที่ผูกพันตามสัญญาก็ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ต้องเบิกจ่ายเป็นรายเดือน

นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของงบกลางปี 2563 วงเงิน 9.6 หมื่นล้านบาทนั้น จะเก็บไว้ใช้ในช่วงกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะการใช้แก้ปัญหาภัยแล้ง ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยกำลังเร่งสำรวจว่าจะช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้งอย่างไรต่อไป เบื้องต้นน่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงเม.ย.นี้ ว่าจะใช้เงินเท่าใด และจะมีการช่วยเหลือ และออกหลักเกณฑ์มาช่วยเหลือต่อไป