ปตท.สผ.โชว์เคส 4 นวัตกรรมไทย ในงาน ADIPEC 2019
การจัดงาน ADIPEC 2019 (Abu Dhabi International Petroleum Exhibition and Conference 2019) หรืองานนิทรรศการและการประชุมด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ระดับโลกและจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้จัดขึ้นที่ เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
การจัดงาน ADIPEC 2019 (Abu Dhabi International Petroleum Exhibition and Conference 2019) หรืองานนิทรรศการและการประชุมด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ระดับโลกและจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้จัดขึ้นที่ เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
ปีนี้ ปตท.สผ. เป็น 1 ใน 35 บริษัทน้ำมันแห่งชาติจากทั่วโลกที่เข้าร่วมงาน ซึ่งการเข้าร่วมงานจะเป็นการเปิดโอกาสให้ ปตท.สผ. ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับบริษัทน้ำมันต่าง ๆ จากทั่วโลก และรับทราบสถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึง สร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่อยู่ในธุรกิจด้วยกัน ทั้งบริษัทน้ำมันแห่งชาติ (Nation Oil Companies หรือ NOCs) และบริษัทน้ำมันข้ามชาติ (International Oil Companies หรือ IOCs) และผู้ให้บริการ (Service company) ซึ่งสามารถนำไปสู่ความร่วมมือกันในอนาคต โดยภายในงานมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานมาร่วมแสดงนิทรรศการมากกว่า 2,200 บริษัท โดยผู้จัดงานคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 145,000 คนจาก 167 ประเทศทั่วโลก
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่ปตท.สผ.ได้เข้าร่วมงาน ADIPEC ซึ่งบูธ นิทรรศการ ได้นำเทคโนโลยี ที่ปตท.สผ. คิดค้นขึ้น โดยบริษัทเอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส หรือ ARV เป็นบริษัทลูกของปตท.สผ. มาแสดงผลงาน เพื่อตอกย้ำว่าเราไม่ใช่แค่บริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เท่านั้น แต่ยังการลงทุนในธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการการผลิต สร้างความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน และลดผลกระทบส่งแวดล้อม
สำหรับเทคโนโลยีที่ ปตท.สผ. นำมาจัดแสดงในงาน ADIPEC 2019 ประกอบด้วยเทคโนโลยีด้านธรณีวิทยา เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมและ
การผลิต และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ ได้แก่
1.หุ่นยนต์ใต้น้ำอัตโนมัติไร้สาย (Inspection-class Autonomous Underwater Vehicle - IAUV) IAUV ซึ่งพัฒนาขึ้น โดย ARV ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ และบริษัทเอกชน สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการตรวจสอบอุปกรณ์ใต้ทะเล เช่น ท่อส่งปิโตรเลียมที่มีความยาวหลายกิโลเมตร และอยู่ใต้น้ำซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ GPS เนื่องจากมีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ไม่จำเป็นต้องใช้เรือขนาดใหญ่และมีค่าใช้จ่ายสูง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบอุปกรณ์ใต้ทะเลได้ถึง กว่าร้อยละ 50 และยังช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานเนื่องจากไม่ต้องใช้นักดำน้ำลงไปทำงาน
นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษได้บ่อยขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือก จากการใช้ยานยนต์ควบคุมระยะไกล
(Remotely Operated Vehicle - ROV) ที่ต้องบังคับโดยเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่บนเรือสนับสนุน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโดยคาดว่าจะสามารถนำมาให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2563
2.อุปกรณ์ดูดซับสารประกอบในคอนเดนเสท หรือ ทูสแลม (Safe Self Loading/Unloading Adsorber Modular – 2SLAM)เทคโนโลยีดูดซับเพื่อกำจัดสารประกอบบางชนิดในก๊าซธรรมชาติเหลว หรือคอนเดนเสท ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของโรงงานปิโตรเคมี ในประเทศไทย โดยอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถเปลี่ยนตัวดูดซับที่ใช้งานแล้วได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องหยุดกระบวนการผลิต ซึ่งทำให้ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งบนแท่นผลิตนอกชายฝั่ง และบนฝั่ง ด้วยเทคโนโลยีนี้จะสามารถช่วยลดระยะเวลาและแรงงาน ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบ โดยจะสร้างหน่วยต้นแบบและทดสอบการใช้งานจริงในปี 2563
3.นวัตกรรมการเก็บตัวอย่างสารในท่อส่งปิโตรเลียม (Sampling PIG)เทคโนโลยีการเก็บตัวอย่างพื้นผิวภายในของท่อส่งปิโตรเลียม เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณของสารตกค้างและประเมินสภาพพื้นผิวภายในของท่อ Sampling PIG สามารถเก็บตัวอย่างจากภายในท่อได้หลายจุดโดยไม่ต้องอาศัยเรือสนับสนุน จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 3 เท่าจากวิธีเดิมซึ่งต้องใช้นักดำน้ำ และเครื่องมือเจาะจากด้านนอกท่อเพื่อเก็บตัวอย่าง ภายใน ซึ่งมีความเสี่ยง ใช้เวลานาน และต้องใช้ระบบและอุปกรณ์สนับสนุนหลายอย่าง ปตท.สผ. พัฒนานวัตกรรมดังกล่าวร่วมกับบริษัท ดาคอน อินสเป็คชั่น เซอร์วิสเซส โดยวางแผนทดสอบการใช้งานในสภาพแวดล้อมจริงในปี 2563
และ 4. เทคโนโลยีการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อติดตามการไหลของน้ำและน้ำมันในแหล่งกักเก็บปิโตรเลียม (Electromagnetics)เทคโนโลยีการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และหลักการเหนี่ยวนำไฟฟ้า เพื่อวิเคราะห์ตำแหน่งของน้ำและน้ำมันใต้ดิน ช่วยในการติดตามทิศทางการไหล ของน้ำที่อัดเข้าไปในหลุมเจาะปิโตรเลียม เพื่อดันน้ำมันดิบในแหล่งกักเก็บปิโตรเลียมเข้าไปยังหลุมผลิต ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการเพิ่มปริมาณ การผลิตน้ำมันดิบ ?ปตท.สผ. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาซอฟต์แวร์ (inversion software)ปัจจุบันอยู่ระหว่างการ ทดสอบการใช้งานในแหล่งผลิตปิโตรเลียมบนบก
"งาน ADIPEC เป็นโอกาสที่ดีที่่ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นและวิสัยทัศน์ของผู้นำพลังงานพร้อมอัพเดทสถานการณ์ด้านพลังงาน โดยปตท.สผ.ได้นำเสนอนวัตกรรมที่จัดทำขึ้นโดย ARV มาจัดแสดง เป็นการต่อยอดให้บริษัทมีโอกาสเติบโต พร้อมทั้งโชว์ศักยภาพของคนไทยในเวทีโลก"นายพงศธร กล่าว