posttoday

วิศวกรรมสถานฯเตือน "เทอร์มินัลใหม่สุวรรณภูมิ" ส่องบบานปลาย

14 พฤศจิกายน 2562

วิศวกรรมสถานฯชี้ "เทอร์มินัลใหม่สุวรรณภูมิ" ส่องบบานปลาย-ไม่เป็นไปตามแผน ด้านทอท.ยืนยัน ICAO ไฟเขียวทำได้ พร้อมขู่ฟ้องร้องกรณีบิดเบือนข้อมูล

วิศวกรรมสถานฯชี้ "เทอร์มินัลใหม่สุวรรณภูมิ" ส่องบบานปลาย-ไม่เป็นไปตามแผน ด้านทอท.ยืนยัน ICAO ไฟเขียวทำได้ พร้อมขู่ฟ้องร้องกรณีบิดเบือนข้อมูล

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะวิศวกรผู้จัดทำแผนแม่บทสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่าวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์(วสท.) แสดงจุดยืนคัดค้านและยืนยันว่า ทอท.ต้องก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ตามแผนแม่บทเดิม โดยชี้ว่า หากก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผนจะเพิ่มงบประมาณการก่อสร้างและไม่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ตามเป้าที่กำหนด พร้อมยืนยันไม่หวั่นหากทอท.จะฟ้องร้อง

อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตถึงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 หรือ เทอร์มินอลที่ 2 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย12 องค์กรวิชาชีพ ซึ่งมีมติคัดค้านการก่อสร้าง แต่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน (ทอท.) กลับไปอ้างคำรับรองขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO)

นายสามารถ กล่าวอีกว่า การก่อสร้างอาคารดังกล่ารถือว่าเป็นการตัดแปะเทอร์มินัลขึ้นมาใหม่ เป็นการก่อสร้างที่ผิดไปจากแผนแม่บทเดิม เพราะICAO ระบุว่า กรณีมีสุวรรณภูมิเป็นสนามบินแห่งเดียว ควรมี 2 เทอร์มินอล และควรก่อสร้างเป็นอาคารผู้โดยสารในประเทศเท่านั้น แต่มองว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครมีสนามบินถึง 3 แห่งคือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ซึ่งมีเพียง 2 เทอร์มินอลก็เพียงพอแล้ว

ทั้งนี้ตนสนับสนุนให้ก่อสร้างตามแผนเดิม คือก่อสร้างส่วนต่อขยายเทอร์มินอล 1 ทั้งด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก จะใช้งบประมาณ 12,000 ล้านบาท สามารถจุผู้โดยสารได้ 30 ล้านคน แต่ถ้าพัฒนาเทอร์มินัลแบบใหม่ จะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 42,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปีเช่นเดียวกัน

รวมทั้งการพัฒนาแบบเดิม ได้ผ่านการพิจารณาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA)แล้ว และผ่านการเห็นชอบจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ครม.แล้ว รวมถึงใช้เวลาในการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในปี 2565

ด้าน นายสมเจตน์ ทิณพงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด กล่าวว่า ทอท.ควรดำเนินการตามแผนแม่บทเดิมที่วางไว้ ซึ่งการก่อสร้างเทอร์มินอล 2 ตามแผนแม่บทจะอยู่ที่ทิศใต้ของเทอร์มินอล 1 บนถนนฝุ่งบางนา-ตราด ไม่ใช่ตำแหน่งที่ผิดแผนซึ่งอยู่ฝั่งมอเตอร์เวย์

นอกจากนี้ยังระบุว่า ทอท. มีแผนการพัฒนาสนามบิน โดยกำหนดให้สนามบินสามารถรองรับได้150ล้านคน แต่พื้นที่ดินของสุวรรณภูมิในปัจจุบัน มีได้เพียง 4 รันเวย์ โดยรันเวย์ที่ 3 แล ะ4 อยู่ใกล้รันเวย์ที่ 1 และ 2 จึงมีข้อจำกัดในการที่เครื่องบิน จะขึ้นลงพร้อมกัน ส่วนการจะสร้างรันเวย์ที่ 5 นอกผังสนามบินก็มีข้อจำกัดในการซื้อที่ดิน เพราะ ทอท. เป็นบริษัทมหาชน ไม่สามารถเวนคืนที่ดินได้

นายสมเจตน์ยังกล่าวต่อว่า ไม่กังวลหากทอท.จะดำเนินการฟ้องร้อง หลังก่อนหน้านี้ระบุว่า หากการเสวนานี้ทำให้ทอท.เสียหาย เพราะยืนยันว่าเป็นการถกเถียงทางวิชาการ เพื่อแสดงข้อคิดเห็นในการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสังคม และประเทศชาติ

ขณะที่ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ไม่ได้อยู่นอกตามแผนแม่บท ทว่าเป็นโครงการที่มีความจำเป็นต้องทำเนื่องจากผู้โดยสารเกินขีดการรองรับไปมากแล้ว ประกอบกับเป็นพื้นที่ซึ่ง ICAO ระบุว่าสามารถก่อสร้างอาคารผู้โดยสารตรงจุดดังกล่าวได้ อีกทั้งการออกแบบโครงการ ทอท.ได้ใช้วิศวรและสถาปนิกที่มีประสบการณ์ทั้งในเรื่องการวางแผน การออกแบบและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน ตลอดจนมีความคิดเห็นจากหน่วยงานผู้เกี่ยวข้อง เช่น สายการบิน ผู้ประกอบการและผู้ให้บริการ โดยมีคณะกรรมการที่ปรึกษาท่าอากาศยาน (ACC) ซึ่งประกอบด้วย IATA, AOC และผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ

นายนิตินัยกล่าวอีกว่า การให้ข้อมูลเรื่องนี้ต้องตรงไปตรงมา ถ้าหากมีการบิดเบือนข้อมูล ทอท.จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ICAO ระบุว่าวิธีแก้ปัญหาความแออัดภายในสนามบินสุวรรณภูมินั้นควรจะสร้างอาคารใหม่แยกกับอาคารผู้โดยสารหลังเดิม เป็นความเหมาะสมที่สามารถทำได้