ปตท.สผ.ลงทุนปีละ6หมื่นล้าน รักษากำลังผลิตโตปีละ5-7%

ปตท.สผ. ปรับกลยุทธ์เดินหน้าหาแหล่งก๊าซ-น้ำมัน แหล่งใหม่เชื่ิอผลตอบแทนดีและยั่งยืน เลิกซื้อกิจการเก่า

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)หรือปตท.สผ. เปิดเผยว่า ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานมีนโยบายลดการเข้าซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมที่มีการผลิตอยู่แล้ว แต่จะหันมาเน้นลงทุนสำรวจในแหล่งปิโตรเลียมใหม่มากขึ้นเนื่องจาก ได้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกว่าและเป็นการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมในประเทศ

นอกจากนี้จะหันมาเน้นเพิ่มปริมาณการผลิตจากโครงการหลักที่อยู่ และเร่งรัดโครงการที่อยู่ในขั้นสำรวจฯทั้งในเมียนมาและมาเลเซียให้สามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้เร็วขึ้น อาทิ แหล่งก๊าซฯจากหลุมลัง เลอบาหา-1 อาร์ดีอาร์ 2 ในแปลงเอสเค 410 บี โครงการ MD7 เป็นต้น

ตลอดจนให้ความสนใจในการขยายการลงทุนในตะวันออกกลาง 2  ประเทศคือโอมานและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ได้มีการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมในประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ ปตท.สผ. เข้าไปซื้อกิจการพาร์เท็กซ์ โฮลดิ้งทำให้เป็นผู้ถือหุ้นในแหล่งปิโตรเลียมที่โอมานและมีโครงการสำรวจในหลายประเทศด้วย

อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าหมายใน 5 ปี (2563-67) จะมีกำลังการผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นเท่าตัวมาอยู่ที่ระดับวันละ 6-7 แสนบาร์เรลจากปีก่อนที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 3.5 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือโตเฉลี่ยปีละ 5-7% เนื่องจากบริษัทได้ชนะประมูลแหล่งเอราวัณและบงกชที่สิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2565-66 ทำให้รับรู้กำลังผลิตเต็มที่ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ฯ ในมาเลเซีย ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในปีนี้ 5 หมื่นบาร์เรล/วัน ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 หมื่นบาร์เรล/วัน และการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัทพาเท็กซ์ โฮลดิ้ง บี.วี. ทำให้รับรู้เพิ่ม 2 หมื่นบาร์เรล/วัน ขณะที่ต้นทุนการผลิตจะอยู่ที่ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วง 5 ปีนี้

สำหรับในปีนี้ บริษัทจะมีกำลังการผลิตปิโตรเลียมอยู่ที่ 4.2 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงต้นปีที่มีกำลังการผลิต 3.7 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมที่มีการผลิตแล้ว

นายพงศธร กล่าวว่า ในช่วง 4-5 ปีนี้ ปตท.สผ. จะมีอัตราการเติบโตปริมาณการผลิตเฉลี่ย 5-7% ต่อปี แต่หลังจากนั้นอัตราการเติบโตปริมาณการผลิตจะลดลงเหลือ 1-2% เนื่องจากบริษัทมีฐานกำลังการผลิตที่ใหญ่ขึ้น

สำหรับงบลงทุนในช่วง 4 ปีข้างหน้า บริษัทฯจะใช้เงินราว 1.7-2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยปี 2563 มีแผนเจาะหลุมสำรวจเพิ่ม 20 หลุมใช้เงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐจากปีนี้เจาะหลุมสำรวจ 1-3 หลุม