posttoday

สหกรณ์นิคมสอยดาว เร่งผลิตลำใยเพื่อส่งออก บุกตลาดจีน

18 ตุลาคม 2562

เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการผลิตลำไยคุณภาพเพื่อการส่งออกกลุ่มลำไยแปลงใหญ่ เสริมเขี้ยวเล็บเกษตรกรผลิตลำไยคุณภาพ GAP สอดคล้องมาตรการนำเข้า "จีน" วางเป้าปี'62 ส่งออกมูลค่า 11 ล้านบาท

เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการผลิตลำไยคุณภาพเพื่อการส่งออกกลุ่มลำไยแปลงใหญ่ เสริมเขี้ยวเล็บเกษตรกรผลิตลำไยคุณภาพ GAP สอดคล้องมาตรการนำเข้า "จีน" วางเป้าปี'62 ส่งออกมูลค่า 11 ล้านบาท

นางสาวดาริน ปราบไพริน ผู้จัดการสหกรณ์นิคมสอยดาว จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีลำไยนอกฤดูมากที่สุดในประเทศไทย โดยอำเภอสอยดาวนับเป็นอีกพื้นที่สำคัญที่เป็นแหล่งใหญ่ของการปลูกลำไยของจังหวัดจันทบุรี โดยมีตลาดส่งออกหลักคือประเทศจีน

ดังนั้นเพื่อรองรับตลาดส่งออกลำไยไปจีน ซึ่งปัจจุบันมีมาตรการเข้มข้นด้านขบวนการผลิตที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน GAP ทางสหกรณ์ฯจึงได้ผลักดัน "โครงการส่งเสริมการผลิตลำไยคุณภาพเพื่อการส่งออก" รวมทั้งได้ส่งเสริมให้สมาชิกสร้างความเข้มแข็งรวมกันเป็นเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองและใช้ความรู้ การบริหารจัดการร่วมกัน

โดยปัจจุบันสหกรณ์ มีสมาชิกทั้งหมด 4,900 รายในจำนวนดังกล่าวเป็นเกษตรกรผู้ปลูกลำไยประมาณ 80% และมีเกษตรกรเข้าสู่ระบบแปลงใหญ่ลำไยจำนวน 100รายคิดเป็นพื้นที่ 1,616 ไร่

สำหรับผลผลิตลำไยแปลงใหญ่ของสมาชิกสหกรณ์ จะมีบริษัท เฮงหลี ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้รับซื้อทั้งหมด โดยคาดว่าปีนี้มีปริมาณผลผลิต 390 ตันคิดเป็นมูลค่า 11 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีผลผลิตเพียง 377 ตันคิดเป็นมูลค่า 9.5 ล้านบาทและกำหนดราคาเบอร์1-2 หรือเบอร์ใหญ่สุดรับซื้ออยู่ที่ประมาณ 30 บาทเท่ากับปีที่แล้ว

"สหกรณ์นิคมสอยดอยฯจะให้ความสำคัญในการส่งเสริมสมาชิกปลูกลำไยคุณภาพตามที่ตลาดต้องการภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตลำไยคุณภาพเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะการส่งเสริมและผลักดันให้สมาชิกเข้าสู่ระบบการตรวจรับรองแปลงGAPพืช ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญของการส่งออกลำไยไปยังตลาดจีนในปัจจุบัน" นางสาวดาริน กล่าว

ด้านนางสาววันนา สังข์นาค ผู้จัดการโครงการแปลงใหญ่ลำไยตำบลทับช้าง อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าปัจจุบันสมาชิกแปลงใหญ่ทับช้างได้ดำเนินธุรกิจซื้อ-ขายผลผลิตลำไยให้กับสหกรณ์นิคมสอยดาว โดยมีพื้นที่รวม 400 ไร่ คาดว่าปี 2562นี้จะมีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดประมาณ 1,000 ตัน

ในจำนวนดังกล่าวจะแบ่งจำหน่ายร่วมกับสหกรณ์นิคมสอยดาว ประมาณ 300 ตัน ที่เหลือจะจำหน่ายให้กับล้งรายเดิมโดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ30-35 บาท/กก. สำหรับพันธุ์ที่นิยมปลูกของเกษตรกรคือ พันธุ์ อีดอ เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ตลาดจีนต้องการมากที่สุด มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับนำไปทำเป็นลำไยอบแห้ง

"สำหรับขบวนการผลิตลำไยนอกฤดูของแปลงใหญ่ลำไยทับช้าง เพื่อให้ได้ผลผลิตลำไยคุณภาพดีตามมาตรฐานของตลาดจีนต้องการจะมีเจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดและเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องหมุนเวียนเข้ามาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับขบวนการผลิตลำไยคุณภาพส่งออกอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ตั้งแต่ขบวนการให้ปุ๋ย การราดสารเพื่อกระตุ้นให้ลำไยออกดอกพร้อมกัน การเก็บเกี่ยวและการตลาดที่ครบวงจร ดังนั้นผลผลิตที่ออกมาจึงได้คุณภาพ ลูกโต หวาน อร่อย เป็นที่นิยมของคนจีนอย่างมาก" นางสาวดาริน กล่าว