posttoday

กนย.อ้อนครม.ขอ 2.4 หมื่นล้านบาทประกันราคายางพารา

05 ตุลาคม 2562

แผนระยะที่ 1 จ่ายเงินงวดแรก 1 - 15 พ.ย. ชาวสวนขึ้นทะเบียน 1.4 ล้านราย คนกรีดยาง 3 แสนราย กระทรวงเกษตรฯ คาดปริมาณใช้ยางพาราในประเทศ ปี62 จะเพิ่ม 8 แสนตัน สวนทางส่งออกครึ่งปีแรกหด19%

แผนระยะที่ 1 จ่ายเงินงวดแรก 1 - 15 พ.ย. ชาวสวนขึ้นทะเบียน 1.4 ล้านราย คนกรีดยาง 3 แสนราย กระทรวงเกษตรฯ คาดปริมาณใช้ยางพาราในประเทศ ปี62 จะเพิ่ม 8 แสนตัน สวนทางส่งออกครึ่งปีแรกหด19%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)ก่อน 15 ส.ค. 2562

เบื้องต้นเกษตรกร 1.4 ล้านรายและคนกรีดยาง 3 แสนราย รายละไม่เกิน 25 ไร่ เนื้อที่ 17.2 ล้านไร่ โดยคาดว่าจะใช้ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท โครงการ 6 เดือน ต.ค. 62-มี.คง 63 จะเสนอครม.ให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทันการจ่ายเงินรอบแรก โดยประกันราคา 3 ชนิด คือ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม

น้ำยางสด (DRC 100%)57บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาท/กิโลกรัม โดยราคากลางจะกำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคากลางอ้างอิง ประกาศทุก 2 เดือน

และจะดำเนินการจ่ายเงินประกันรายได้ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ 2 เดือนต่อ 1 ครั้ง ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร( ธ.ก.ส.)โดยจะเร่งจ่ายเงินให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับสิทธิ์รอบแรก ในวันที่ 1 - 15 พ.ย. 2562 รอบต่อไป1-15 ม.ค.63 และรอบที่ 3 วันที่ 1-15 มี.ค. 63

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการเดิมเพิ่มเติม คือ ขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมบางโครงการ ได้แก่ 1.โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง จากวงเงินเดิม 1.5 หมื่นล้านบาท เป็น 2.5 หมื่นล้านบาท

โดยที่รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการร้อยละ 3 ตลอดระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2559 – 2569 เพิ่มการใช้ยางจาก 6 หมื่นตันเป็น 1 แสนตัน ต่อปี 2.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) วงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาทขยาวเลาโครงการถึงปี 64 จากครบกำหนด ปี 63 เนื่องจากปัจจุบันใช้เงินไปเพียง 1 พันล้านบาท เหลือเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท

และ3. โครงการสนับสนุนสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินหมุนเวียนในการรวบรวมยางจากเกษตรกร ขยายเวลาเพิ่มอีก 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1เม.ย. 2563 ถึง 31 มี.ค. 2567 ระยะเวลาจ่ายเงินกู้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2566และกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้เป็นคราว ๆ คราวละไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันที่กู้ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2567

และ 4. โครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการต่อไปจนถึงเดือนกันยายน 2565 เพื่อผลักดันการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในการแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์หรือที่ใช้เป็นส่วนผสมต่าง ๆใช้ในประเทศ ลดการพึ่งพาการส่งออก ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคายางพาราและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปริมาณการผลิตยางพาราของไทยตั้งแต่ปี 2557 - 2562 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 4.345 ล้านตันในปี 2557เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2561 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.944 ล้านตัน ในปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2.73 ต่อปีมีเนื้อที่กรีดยางเพิ่มขึ้นเป็น 20.46 ล้านไร่ ผลผลิตต่อไร่ต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 245 กก./ไร่/ปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.13 ต่อปี

นอกจากนี้ ปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศระหว่างปี 2557 - 2562 มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าในปี2562 จะเพิ่มเป็น 8 แสนตัน เนื่องจากมีการขยายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมจากต่างประเทศทั้งอุตสาหกรรมยางล้อและอุตสาหกรรมถุงมือยางอีกทั้งภาครัฐยังส่งเสริม/สนับสนุนให้นำยางพารามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในประเทศและผลจากโครงการเพิ่มการใช้ยางในประเทศ เช่น โครงการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร

สำหรับการส่งออกของไทยในปี 2562 นี้ (มกราคม - กรกฎาคม) เมื่อเทียบกับปี 2561ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า มีการส่งออกลดลง 505,099 ตัน หรือร้อยละ 19.92 เนื่องจากในปี 2562มีปริมาณผลผลิตลดลง จากปรากฏการเอลนิลโญและผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯโดยมีสัดส่วนต่อการส่งออกทั้งหมด ร้อยละ 39.22 ร้อยละ 13.36 ร้อยละ 8.34 และร้อยละ 7.80 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามในการแถลง รองนายกฯปฏิเสธที่จะตอบว่าจะเกษตรกรสวนยางที่เข้าโครงการนั้น ครอบคลุมทุกกลุ่มหรือไม่ และจะมีปัญหาเรื่องไม่ได้อานิสงค์จากเงินก้อนหนี้หรือไม่ โดยนายจุรินทร์ระบว่า มาครบทุกกลุ่ม