posttoday

คลังประโคม“ชิมช้อปใช้”หวั่นคนไม่เที่ยว

13 กันยายน 2562

คลังแถลงด่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิมช้อปใช้ คืบหน้ามีเครื่องรับเงินทั่วไทย หวั่นคนเมินเที่ยว

คลังแถลงด่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิมช้อปใช้ คืบหน้ามีเครื่องรับเงินทั่วไทย หวั่นคนเมินเที่ยว

นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง กล่าวว่า มาตรการชิมช้อปใช้มีความพร้อมดำเนินการแล้ว โดยขณะนี้มีร้านค้าทั่วประเทศมาลงทะเบียนเพื่อให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่นถุงเงิน จำนวน 3.2 หมื่นร้านค้า ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ 4 หมื่นร้านค้า ประกอบด้วย ร้านอาหาร 1.5 หมื่นร้านค้า ร้านค้า 1.5 หมื่นร้านค้า และโรงแรม อีก 2 พันแห่ง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเปิดรับลงทะเบียนร้านค้าไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายอดการลงทะเบียนจะเป็นไปตามเป้าหมายแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ คลังมั่นใจะมีร้านค้ามาลงทะเบียนเพื่อร่วมโครงการตามเป้าหมาย หลังจากนี้ได้ประสานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหอการค้าไทยในการประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะเพียงพอในการให้บริการประชาชนที่คาดว่าจะลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการตามเป้าหมายที่ 10 ล้านราย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแนวคิดในการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการชิมช้อปใช้ออกไป โดยประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการสามารถใช้สิทธิ์ได้ภายใน 27 ก.ย.-30 พ.ย. 2562 เนื่องจากมองว่าต้องการให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนในช่วงดังกล่าว

สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 2562 โดยขั้นตอนการเลือกจังหวัดเพื่อไปท่องเที่ยว จะมีการแสดงรายละเอียดทั้งหมดว่าในจังหวัดที่เลือกนั้น มีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมกี่แห่งที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะทำให้การวางแผนท่องเที่ยวสะดวกขึ้น

นายอุตตม กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกรมบัญชีกลาง จะสามารถเดินหน้าจ่ายเงินล็อตแรกให้เกษตรกร จำนวน 2 ล้านราย ตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งปี 2552 และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 ไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากปัญหาภัยแล้งได้
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า อยากชี้แจงเพื่อให้ร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้คลายความกังวลว่า ข้อมูลทั้งหมดในโครงการไม่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากร ดังนั้นจะไม่มีการถูกเรียกเก็บภาษีอย่างแน่นอน โดยโครงการดังกล่าวต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีการใช้จ่ายเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเท่านั้น

นายกลินทร์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังเข้าพบ รมว.การคลัง เพื่อนำเสนอมุมมองของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ โดยเสนอให้มีการจัดตั้งจุดรับคืนภาษีในเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Downtown VAT Refund) แบบถาวร และออกมาตรการทางภาษีสำหรับการปรับปรุงโรงแรมและห้องพักเก่าเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว

พร้อมทั้งให้มีการขับเคลื่อนและพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW (National Single Window) อย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งให้เร่งออกระเบียบปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมความพร้อมก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2563

นอกจากนี้สนับสนุนงบประมาณดำเนินมาตรการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปี 2562 ผ่านโครงการข้อตกลงคุณธรรม โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ พร้อมทั้งให้มีการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค โดยขอให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน และให้มีการส่งเสริมการค้าชายแดนและข้ามแดน โดยให้มีการขยายเวลาเปิด-ปิดด้านระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับรถขนส่งสินค้าและแก้ปัญหารถแออัดบริเวณหน้าด่าน จำนวน 7 ด้าน