'เซ็นทรัล วิลเลจ' แม้จะไร้อีเวนต์วันเปิด แต่ 'แบรนด์' แจ้งเกิดไปแล้ว

31 สิงหาคมนี้ คือ วันเปิดตัว 'เซ็นทรัล วิลเลจ' ลักชัวรี เอาท์เล็ต อย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะไร้กิจกรรมเปิดตัวโครงการฯ ที่ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทว่าตัวโครงการฯ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนและถูกกล่าวถึงจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้วย ตลอดเกือบช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่โครงการฯจะเดินทางมาถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการตามกำหนดการเดิมนั้น 'เซ็นทรัล วิลเลจ' ได้ถูกหยิบขึ้่นมาเป็นประเด็น 'ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์' จากกรณีพิพาทระหว่าง บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีคำสั่ง สั่งปิดทางเข้า-ออกโครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ ในช่วงจังหวะที่กำลังจะเปิดให้บริการในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้

กรณีดังกล่าว ทอท. ระบุว่า "ที่ผ่านมาเจ้าของโครงการไม่เคยขออนุญาต ทอท." ทำให้ทอท.ต้องปฏิบัติตามหลักการ ด้วยไม่อาจปล่อยปละละเลยหรือสนับสนุนผู้กระทำผิดกฎหมายบนพื้นที่รัฐได้ รวมไปถึงการสั่งระงับการก่อสร้างโครงการในช่วงที่ใกล้จะเปิดใช้ โดยเฉพาะบริเวณถนนหน้าโครงการฯ เพราะเป็นการรุกล้ำพื้นที่

นอกจากนี้ ทอท. ยังเตรียมส่งหนังสือสอบถามเรื่องผังเมือง ควบคู่ไปกับการส่งหนังสือเตือนเรื่องความเสี่ยงธงแดงไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) โดยเฉพาะเรื่องแสงสว่างเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้แสงมากอาจกระทบการบิน ตลอดจนเรื่องของแสงเลเซอร์ที่สุ่มเสี่ยงว่ากับกฎการบินสากลขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ไอเคโอ

เอาท์เล็ต มอลล์ เปิดใกล้สนามบิน ไม่ใช่เรื่องใหม่

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา "ปรีชา เอกคุณากูล" กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้พัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ได้ออกมาแถลงยืนยันวันเปิดตัวโครงการฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 สิงหาคม พร้อมชี้แจงใน 3 ประเด็นหลัก ทั้ง ทางหลวงหมายเลข370 เป็นพื้นที่สาธารณะ โครงการฯทำตามผังเมือง และการันตีพื้นที่ปลอดภัยในการเดินอากาศ

ปรีชา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา5 ปีในการก่อสร้าง บริษัทดำเนินการด้วยความรัดกุม ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นและสร้างความสับสนให้กับสังคมนั้น ซีพีเอ็น มองว่าสามารถหาข้อยุติได้ตามกฎหมายซึ่งบริษัทก็ได้ยื่้นหนังสือไปยังศาลปกครองเพื่อขอความคุ้มครองจากกรณีพิพาทดังกล่าวระหว่างนี้ด้วย แต่ด้วยในที่สุดแล้วการกระทำเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีระหว่างกันแน่นอน โดย ซีพีเอ็น พร้อมที่จะหารือกับ ทอท. เพื่อหาข้อยุติ ดังกล่าวในทุกประเด็น

"โครงการฯดังกล่าว ก่อสร้างขึ้นมาด้วยความปราถนาดี เพื่อให้ประเทศไทยมีจุดมุ่งหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก จากตัวโครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ ในฐานะที่เป็น ลักชัวรี เอาท์เล็ต แห่งแรกของไทยที่รวบรวมแบรนด์หรูระดับโลกมาไว้ที่นี่ร่วม 150 แบรนด์ ด้วยงบลงทุนไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท โครงการฯมีการจ้างงานกว่า 1,000 คน และคาดว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท" ปรีชา กล่าว

พร้อมเสริมว่า ปัจจุบันในต่างประเทศที่เป็นจุดมุ่งหมายการท่องเที่ยว ต่างมี เอาท์ เล็ต มอลล์ ลักษณะดังกล่วาวเปิดให้บริการ รวมถึงในบางประเทศก็เปิดให้บริการใกล้กับสนามบินเช่นกัน หรือ อย่างในประเทศไทยเองก็มี ช้อปปิง มอลล์ ที่เปิดอยู่ใกล้กับสนามบินดอนเมือง

อย่างไรก็ตาม การเปิดให้บริการ เอาท์เล็ต มอลล์ ลักษณะดังกล่าว ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีการจัดกิจกรรมด้านแสงสีเสียง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการยิงเลเซอร์ รบกวนทางอากาศ อย่างแน่นอน

"ในขณะนี้โครงการฯ จะถูกปิดทางเข้าออกทั้งสองด้าน ซึ่งหากยังไม่ได้รับคำสั่งศาลปกครองก่อนถึงวันเปิดตัวโครงการที่จะถึงนี้ ซีพีเอ็น ได้เตรียมหาแนวทางแก้ไขเพื่ออำนวยความสะดวก แก่ผู้มาใช้บริการ" ปรีชา กล่าว

แม้จะไม่ใช่ 'ดิวตี ฟรี' แต่ก็มีสินค้าลักชัวรีลดราคา 35-70% ทุกวัน

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด ซีพีเอ็น กล่าวว่าเซ็นทรัล วิลเลจ ถือเป็นแพล็ตฟอร์ม ค้าปลีกใหม่ของซีพีเอ็น บนพื้นที่ 40,000 ตร.ม. และยังเป็นเอาท์เล็ต มอลล์ แห่งแรกของไทย ที่รวบรวมแบรนด์สินค้าลักชัวรี กว่า 150 ร้านค้ามาไว้ที่แห่งเดียว ที่วางเป้าหมายไว้เป็นสวรรค์แห่งการชอปปิงแบรนด์เนมที่คุ้มค่า ในราคาลด 35-70 % เพื่อให้นักช้อปมาจับจ่ายซื้อสินค้าได้ทุกวัน

โดยมีสินค้าลักชัวรี แบรนด์ไฮไลท์ คือ CHLOE*, CLUB21 (Outlet By CLUB21),COACH,ERMENEGILDO,ZEGNA, ETRO, KATE SPADE NEW YORK*, KENZO, MICHAEL KROS, POLO RALPH LAUREN*, SALVATOREE FERRAGAMO*

นอกจากนี้ภายในโครงการฯ ยังมีร้านค้าและจุดบริการอื่นๆ รวมถึง ไทย พาวิลเลียน โดยร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ นำสินค้าโอท็อป พรีเมียม คัดสรรคุณภาพเข้ามาวางจำหน่ายภายในพาวิลเลียน พื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม.

"การที่เซ็นทรัล วิลเลจ เป็น เอาท์เล็ท มอลล์ จะไม่เน้นกิจกรรมทางการตลาด หรือ การจัดอีเวนต์แสดงแสงสีเสียงอยู่แล้ว ด้วยส่วนใหญ่แล้ว เอาท์เล็ต ทุกแห่งจะเน้นเรื่องของโปรดักส์ ที่เจ้าของสินค้า ร้านค้าที่นำมาจำหน่ายในรุ่นที่หมดซีซันไปแล้ว" ณัฐกิตต์ กล่าวย้ำ

สำหรับโครงการฯ คาดจะสามารถเปิดให้บริการครบทุกร้านค้า 150 แบรนด์ภายใน 2 เดือนนับจากนี้ และคาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 20,000 คนต่อวัน โดยโครงการฯเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.