เคลียร์ส่งฟ้องคดีจำนำข้าว อคส.ยื่นอัยการแล้ว 246 สัญญาครบทั้งหมด

"สนธิรัตน์" เดินหน้าฟ้องแพ่งคู่สัญญาโครงการจำนำข้าว ชี้อัยการต้องเร่งส่งฟ้องศาลก่อนสิ้นอายุความตั้งแต่ 3 ก.ค.-5 ส.ค. 2562 รวมเสียหายกว่า3แสนล้านบาท

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ส่งเอกสารหลักฐานที่คู่สัญญาของ อคส. ทั้งเจ้าของโกดังที่รัฐเช่าเพื่อฝากเก็บข้าวสารในสต๊อก และบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) กระทำความผิด และการทำผิดสัญญาในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ปี 2551/2552, ปี 2554/2555, ปี 2555/2556 และปี 2556/2557 จนส่งผลให้รัฐเกิดความเสียหาย ให้กับพนักงานอัยการแล้ว จากนั้นอัยการจะรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อทำสำนวนส่งฟ้องทางแพ่งต่อศาลต่อไป ถือว่า อคส.ได้ส่งอัยการทันตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กำหนดภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ก่อนที่คดีจะหมดอายุความ ส่วนคู่สัญญาของ อคส.จะต้องชดใช้ความเสียหายให้รัฐ หรือไม่ อย่างไร อยู่ที่ศาลจะตัดสิน

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า อคส.ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานที่คู่สัญญาของ อคส.กระทำผิดสัญญา เช่น ทำข้าวหาย ข้าวเสื่อมคุณภาพ เป็นต้น ส่งให้พนักงานอัยการครบทั้งหมด 246 สัญญาแล้ว แบ่งเป็น คดีของเจ้าของ โกดังทำผิดสัญญา 167 สัญญา ส่งอัยการเมื่อเดือน พ.ย. 2561 และคดีของเซอร์เวเยอร์ อีก 79 สัญญา ส่งอัยการเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2561 คิดเป็นมูลค่าความเสียหายที่ อคส.เรียกจากคู่สัญญาสูงถึงกว่า 3 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้พนักงานอัยการจะรวบรวมเอกสารหลักฐานและทำสำนวนส่งฟ้องศาลต่อไป ซึ่งอัยการต้องเร่งส่งฟ้องศาลให้ทันก่อนคดีจะหมดอายุความ โดยแต่ละคดีจะทยอยหมดอายุความตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.-5 ส.ค. 2562 หรือภายใน 5 ปีนับจากวันที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐบาล ที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ตรวจสอบข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเมื่อวันที่ 3 ก.ค.-5 ส.ค. 2557

ทั้งนี้ หากมีข้อมูลที่ยังไม่ครบถ้วน อัยการสามารถขอมายัง อคส.ได้ ล่าสุด อัยการขอให้ อคส.ทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสียหายต่างๆ เช่น ความเสียหายที่เกิดจากคู่สัญญา ทำให้ข้าวสูญหาย หรือข้าวเสื่อมคุณภาพ รวมดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าตรวจสอบคุณภาพ ค่ารมยา ค่ากระสอบ ค่าเช่าโกดัง รวมดอกเบี้ย ซึ่ง อคส.อยู่ระหว่างการรวบรวมและจัดส่งให้อัยการ

อย่างไรก็ตาม คดีอาญาที่เกิดจากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ปี 2551/2552, ปี 2554/2555, ปี 2555/2556 และปี 2556/2557 รวม 884 คดีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันกระทำผิด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึงราว 1.15 แสนล้านบาท โดยบางคดีได้ส่งฟ้องศาลไปแล้ว

ภาพประกอบข่าว