posttoday

‘J-Girlie’ เสื้อผ้าวินเทจ

25 ธันวาคม 2561

จากความรักในการทำแฮนด์เมด สู่การสร้างเสื้อผ้าแบรนด์ “J-Girlie” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในสไตล์วินเทจ

เรื่อง วราภรณ์ เทียนเงิน 

จากความรักในการทำแฮนด์เมด สู่การสร้างเสื้อผ้าแบรนด์ “J-Girlie” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในสไตล์วินเทจ ทำให้สินค้าครองใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทุกวัย และเติบโตในตลาดเสื้อผ้าแฟชั่น

“ปณิธี สมถวิล” ผู้ก่อตั้งร้าน “J-Girlie” เปิดเผยว่า แบรนด์เสื้อผ้า “J-Girlie” เป็นเสื้อวินเทจที่มีการผลิตแบบแฮนด์เมด ในสไตล์ โมริ เกิร์ล ของประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีกลุ่มลูกค้าหลักทั้งคนไทยและลูกค้าในต่างประเทศสัดส่วน 50% เท่ากัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศจะมีทั้งจากประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน รวมถึงจากรัสเซียและยุโรป ที่ต่างชื่นชอบเสื้อผ้าในรูปแบบดังกล่าว

ขณะเดียวกันเสื้อผ้าวินเทจที่จะเป็นการผลิตด้วยงานแบบแฮนด์เมด ที่มีการเลือกนำเข้าผ้ามาจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีผ้าหลากหลายแบบ ทั้งผ้าทอ ผ้าฝ้าย และผ้าลินิน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการออกแบบด้วยตัวเองและเป็นสไตล์ที่มีความชื่นชอบ ซึ่งเอกลักษณ์ของเสื้อผ้าจะทำมีการสวมใส่แบบสบายและทำให้ทุกคนที่สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มผู้ใหญ่ใส่ได้ทั้งหมด และมีความเหมาะสมกับทุกวัย

“ก่อนหน้านี้ในช่วง 11 ปีก่อน ได้เริ่มจากการทำธุรกิจดอกไม้ประดิษฐ์ มาจากความชอบในงานแฮนด์เมดอยู่แล้ว โดยตนเองจะจบมาทางด้านศิลปศาสตร์ และเริ่มทำธุรกิจกับกลุ่มเพื่อนๆ ต่อมาเริ่มนำไปจำหน่าย ก่อนขยายธุรกิจต่อเนื่อง และมาที่เสื้อผ้า ที่ได้ออกแบบในสไตล์ที่เรามีความชื่นชอบเช่นกัน” ปณิธี กล่าว

แบรนด์ยังมีจุดเด่นที่การผลิตด้วยความพิถีพิถันและประณีต มีการผลิตด้วยงานแฮนด์เมด รวมถึงมีการผลิตในแต่ละแบบจำนวนจำกัดด้วย โดยเฉลี่ยแล้วจะมีการผลิตแบบใหม่ออกมา 5-6 แบบสัปดาห์

“เสื้อผ้าในแต่ละแบบ มีเอกลักษณ์ที่ทำให้คนทุกแบบ ทั้งกลุ่มวัยรุ่น ก็สวมใส่ได้อย่างเหมาะสม และกลุ่มผู้ใหญ่ก็ใส่ได้เช่นกัน” ปณิธี กล่าว

ทั้งนี้ การที่แบรนด์มุ่งสร้างเสื้อผ้าที่มีแบบของตัวเอง มีจุดเด่นที่แตกต่าง รวมถึงไม่ได้เป็นแฟชั่นมากเกินไป จึงสามารถสวมใส่ในทุกเวลา ทำให้มีกลุ่มลูกค้าประจำที่เลือกซื้อสินค้าต่อเนื่อง อีกทั้งได้กำหนดราคาสินค้าที่มีความเหมาะสม โดยเสื้อผ้าจะมีราคาตั้งแต่ 890-1,600 บาท

พร้อมกันนี้ ยังมุ่งนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพแก่ลูกค้า จากการเลือกวัตถุดิบที่ดี และนำเสนอสินค้าที่มีความแตกต่าง รวมถึงได้มีการขยายกลุ่มสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มกระเป๋า และรองเท้า พร้อมกับมีการนำเสนองานปัก ที่เป็นงานฝีมือทั้งหมด และต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตด้วย โดยแต่ละแบบของงานปักบางขั้นตอนจะใช้ระยะเวลาเป็นเดือน รวมถึงมีการย้อมสีของผลิตภัณฑ์ ที่จะมีการย้อมสีเองให้ได้ตามที่ต้องการ จึงช่วยสร้างความแตกต่างของแบรนด์มากขึ้น

ปณิธี กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันช่องทางจำหน่ายของแบรนด์จะมีการเปิดสาขาหลักอยู่ที่ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 อยู่ที่ชั้น 1 เลขที่ร้าน 1092 พร้อมกับช่องทางออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก J-Girlie Vintage Accessories รวมถึงไลน์และผ่านไอดี รวมถึงมีผ่านศูนย์การค้าสยามพารากอน ผ่านแผนกสินค้า “เอ็กโซทีค ไทย” พร้อมกันนี้ แบรนด์มีการทำตลาดและจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องให้แก่ลูกค้า

“J-Girlie” มีแผนจะขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นเน้นในพื้นที่ กทม.และมีกลุ่มสินค้าใหม่ๆ ออกมาทำตลาดเพิ่มขึ้น ภายใต้การนำเสนอสินค้า เสื้อผ้าวินเทจ แฮนด์เมด ที่โดดเด่นและมีสไตล์แก่ลูกค้า จึงผลักดันทำให้แบรนด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง

“หลักในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ คือ การให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง การสร้างแบรนด์สินค้าที่มีคุณภาพ และการดีไซน์สินค้าเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกวัย สวมใส่ได้ในทุกเวลา ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าบอกปากต่อปากถึงแบรนด์อย่างต่อเนื่อง” ปณิธี กล่าวทิ้งท้าย

‘J-Girlie’ เสื้อผ้าวินเทจ

‘J-Girlie’ เสื้อผ้าวินเทจ

‘J-Girlie’ เสื้อผ้าวินเทจ