posttoday

ค่ายรถย้ำทิศทางอีวี รักษาผู้นำฐานผลิต

08 ธันวาคม 2561

ค่ายรถย้ำอีวีมาแน่ เชื่อไทยเป็นฐานผลิตสำคัญของโลกใน ด้านต่างๆ โดยรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นส่วนที่สามารถรักษาความสำคัญการผลิตไว้ได้

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

ทิศทางเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างรถยนต์ไฟฟ้าดูเหมือนใกล้จะเป็นจริง เข้ามาในทุกขณะ โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่มีผู้เล่นรายต่างๆ ให้ความสนใจนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ได้จัดเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ "ชี้แนวร่วมรัฐ เอกชน เปิดยุทธศาสตร์ยานยนต์ใหม่ รุกทันกระแสโลก...?" โดยมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เข้าร่วมงาน

กฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บริษัท บีเอ็ม ดับเบิลยู (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัท ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ได้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous) เพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจยานยนต์ในอนาคตของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก 4 แนวทาง ที่จะมาเป็น Value Change กุญแจดอกสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ คือ Autonomous, Electrified, Connected, Services รวมถึงการวิจัยและพัฒนารถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอนาคต เพราะการที่สังคมไทยจะก้าวสู่สังคมรถไฟฟ้ายังต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้บริโภค

ในปี 2559 บีเอ็มดับเบิลยูเริ่มให้ความสนใจเข้ามาทำตลาดรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งได้มีการให้ความรู้เรื่องรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดกับผู้บริโภค ผ่านการจัดสัมมนาทางวิชาการในรูปแบบต่างๆ และได้ขยายการให้ความรู้ไปสู่การให้ความรู้รถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ ยังให้ทุนการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฮบริดกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ในประเทศไทย รวมไปถึงการลงทุนตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ 50 สถานี ซึ่งจะดำเนินการได้ครบถ้วนภายในปีนี้ ผลของการดำเนินยุทธศาสตร์ดังกล่าว ส่งผลให้ปีนี้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูปลั๊ก-อินไฮบริดมีอัตราการเติบโตสูงถึง 112%

ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวทางการพัฒนารถยนต์ของมาสด้าในอนาคต ยังคงยึดแนวคิด Zoom-Zoom มุ่งเน้นโมเดลธุรกิจ CASE : C=Connected, A=Autonomous, S= Shared, E=Electric โดยยังคง วิสัยทัศน์ที่โลก ผู้คน และสังคม พร้อมวางแผนทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไว้ว่า ปี 2573 จะลดการผลิตรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปให้ได้ 50% และในปี 2593 จะลดเหลือเพียง 10% โดยตั้งเป้าหมายให้การผลิตรถยนต์ เป็นรถไฟฟ้า แบบไฮบริด หรือปลั๊กอิน รวมทั้งอีวีให้ได้ 95% ของการผลิตรถทั้งหมด
         

ขณะที่มาสด้ายังมีแผนนำเสนอยานยนต์ไร้คนขับออกสู่ตลาดในปี 2568 โดยในอนาคต มาสด้า อีวี ก็จะยังคงเป็นรถที่อยู่ในวิสัยทัศน์ที่จะตอบโจทย์การนำเสนอให้มีการขับขี่ที่สมบูรณ์ มีความรับผิดชอบต่อโลก และเหมาะสมกับสังคมและผู้คน

องอาจ พงศ์กิจวรสิน นายก สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการผลิตอยู่ในอันดับ 12 ของ โลก ซึ่งถือว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างมากในการเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และประเทศไทยยังติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกในเรื่องของความคุ้มค่าในการผลิตเทียบเท่าญี่ปุ่น หรือประเทศชั้นนำ ของโลก

ทั้งนี้ จะเห็นว่ามีแนวโน้มไปเรื่องของรถพลังงานไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งเหตุผลของการเกิดอีวีนั้น เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยสิ่งสำคัญที่สุดของอีวี คือ มีมลภาวะน้อยกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้เชื้อเพลิง แต่ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายมากนัก โดยมียอดขายรถอีวีไม่ถึง 1% ขณะที่ในหลายประเทศมีการพัฒนาและมีทิศทางนโยบายการใช้รถอีวีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"ทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ในอนาคตสิ่งที่จะเกิดขึ้น ก็คงไม่พ้นเรื่องของแบตเตอรี่จะถูกพัฒนาให้ได้ระยะการขับขี่ไกลขึ้น ต่อมาเรื่องแรงบิดที่จะถูกพัฒนาให้สามารถลากจูงของที่มีขนาดใหญ่ได้ อันต่อมาก็คงไม่พ้นเรื่องราคาที่ถูกลง และสุดท้ายคือการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้รถไฟฟ้าเกิดขึ้นมาได้เร็วยิ่งขึ้น หากประเทศไทยจะรักษาฐานการผลิต 3 ล้านคัน และรักษามาตรฐานการผลิตเหนือคู่แข่งในตลาด จึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวและเปลี่ยนแปลงการผลิตรถไฟฟ้า เพราะอย่างไรรถไฟฟ้าเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว" นายองอาจ กล่าว

สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การกำหนดกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจระดับโลกเพื่อตอบโจทย์การตลาดทั่วโลก ซึ่งจะขับเคลื่อนภายใต้ปรัชญา "Nissan Intelligent Mobility : NIM" ซึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อระหว่างระบบนิเวศ ชุมชน และผู้ขับขี่เข้า ด้วยกัน นับเป็นกุญแจสำคัญสู่โลก สะอาด และปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการวิจัยของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุด ระบุว่า ในปี 2573 ประเทศไทยจะก้าวสู่สังคม ผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ การเคลื่อนไหว และการเชื่อมต่อ (Mobility+Connected) จะเข้ามาอยู่บนรถยนต์และเคลื่อนไหวไปพร้อมกับรถและผู้ขับขี่

"ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีอะไร ก็ตามจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากความต้องการของผู้บริโภค (Demand) รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ก็เช่นกัน ต้องยอมรับว่าอนาคตยานยนต์ปฏิเสธไม่ได้ในสิ่งที่กำลังจะมาถึง ดังนั้นค่ายรถยนต์ต้องเร่งให้ความรู้เตรียมความพร้อมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต" สุรีทิพย์ กล่าว