posttoday

ซีพีปักธงเวียดนาม 25 ปี บุกหนักอาหาร-ค้าปลีก

06 ธันวาคม 2561

หลังจากเข้ามาทำตลาดในประเทศเวียดนามครบ 25 ปีในปีนี้ บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ก็สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทานอย่างไส้กรอกมาได้มากถึง 25%

โดย...จะเรียม สำรวจ

หลังจากเข้ามาทำตลาดในประเทศเวียดนามครบ 25 ปีในปีนี้ บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ก็สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทานอย่างไส้กรอกมาได้มากถึง 25% ขณะที่กลุ่มสินค้าประเภทไก่สดปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 32%

จากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ ซี.พี.เวียดนามฯ มีแผนที่จะพัฒนากลุ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทานอย่างเช่น ติ่มซำ และอาหารกล่องเข้ามาทำตลาดอีกประมาณ 50 รายการ ในปี 2562 ขณะเดียวกัน ซี.พี.เวียดนามฯ ยังมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าในกลุ่มไฟติ้งแบรนด์เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคนเวียดนาม

จำนวนสินค้าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้ ซี.พี.เวียดนามฯ ต้องมองหา ช่องทางการทำตลาดเพิ่มเติม จากปัจจุบันได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่ายภายในร้าน โชห่วย และห้างค้าปลีกในประเทศเวียดนามไปบ้างแล้ว แต่เนื่องจากห้างค้าปลีกในประเทศเวียดนามยังมีค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศไทย เห็นได้จากจำนวนร้านสะดวกซื้อที่มีจำนวนสาขารวมทั้งหมดที่เปิดให้บริการประมาณ 2,000 สาขา และห้างค้าปลีกประเภทดิสเคาต์สโตร์ที่มีจำนวนสาขารวมเปิดให้บริการเพียง 400 สาขา จึงทำให้แผนการขยายธุรกิจในเบื้องต้นต้องเน้นเจาะร้านโชห่วยเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันร้านโชห่วยในประเทศเวียดนามมีมากกว่า 2 แสนรายทั่วประเทศ

สุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอาหารและเครื่องดื่มในประเทศเวียดนามมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 20% มาต่อเนื่องหลายปี เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนมาจากการขยายตัวของจีดีพีประเทศในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ที่เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 6% ส่งผลให้ปัจจุบันตลาดรวมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศเวียดนามมีมูลค่าสูงถึง 1.73 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ จำนวนประชากรภายในประเทศยังมีมากถึง 95 ล้านคน และในจำนวนดังกล่าวเป็นกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปี มากถึง 60% คนกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอัตราการบริโภคอาหารต่อวันค่อนข้างสูงเฉลี่ยต่อวันที่ประมาณ 5-7 มื้อ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาขยายธุรกิจอาหารพร้อมทานในประเทศเวียดนาม ด้วยการขยายกลุ่มสินค้าในส่วนของแบรนด์ซีพี และแบรนด์ห้าดาวเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม

ปัจจุบันร้านห้าวดาวในประเทศเวียดนามมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการด้วยกัน 650 สาขา ในรูปแบบแฟรนไชส์ ปี 2562 คาดว่าจะขยายเพิ่มเป็น 800 สาขา นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายร้านซีพีเฟรชมาร์ทเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 สาขา บนพื้นที่ประมาณ 50-60 ตารางเมตร ซึ่งแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 5-8 แสนบาท โดยบริษัท ซี.พี.เวียดนามฯ จะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด

นอกจากจะให้ความสำคัญกับการเปิดร้านซีพีเฟรชมาร์ทสาขาใหม่แล้ว ในส่วนของสาขาเก่าที่ทดลองอยู่ 8 สาขา ก็จะทำการปรับภาพลักษณ์แบรนด์และรูปแบบของร้านใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนเวียดนาม ซึ่งค่อนข้างมีความแตกต่างจากผู้บริโภคคนไทย โดยเฉพาะรูปแบบของอาหาร