ชิคชิงเฟอร์นิเจอร์หรู ผนึกแบรนด์อเมริกาชิงเค้กตลาดไทยจ่อเปิด5สาขากว่า1,000ล.

ชิค รีพับบลิค ผนึกแบรนด์แอชลีย์ รุกตลาดเฟอร์นิเจอร์ในไทย พร้อมลุยตลาดซีแอลเอ็มวี

นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับแบรนด์แอชลีย์ (Ashley) พันธมิตรจากสหรัฐอเมริกาในการรุก ตลาดธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในประเทศไทย โดยแผน 5 ปีจากนี้เตรียมเปิดเฟอร์นิเจอร์โฮมสโตน 5 สาขา ขนาดพื้นที่ราว 1 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) มูลค่าการลงทุนสาขาละ 220-250 ล้านบาท หรือกว่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทำเลสาขาใหม่จะเน้นจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพเกรดเอ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี เป็นต้น รวมทั้ง ยังมีแผนการลงทุนเปิดสาขาในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มซีแอลเอ็มวี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดเพิ่มจากปัจจุบันได้มีการเปิดสาขาที่กัมพูชา พื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้สินค้าใกล้เคียงคนไทย 80-90%

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาบริษัทได้นำเฟอร์นิเจอร์แบรนด์แอชลีย์ขายในชิค รีพับบลิค มาหลายปี แต่ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทมีการเติบโตและมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทจะมีการปรับปรุงทั้ง 4 สาขา ได้แก่ สาขาบางนา ประดิษฐ์มนูธรรม ราชพฤกษ์ และพัทยา ซึ่งจะปรับพื้นที่ประมาณ 1,000 ตร.ม. ในทุกสาขาให้เป็นโซนแสดงสินค้าเฉพาะของแอชลีย์ โดยใช้งบปรับปรุง 1-2 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ได้วางแผนสร้างแบรนด์ ด้วยการทำตลาดและโปรโมทสินค้าให้ เป็นที่รู้จักผ่าน 2 ช่องทาง คือเว็บไซต์ www.chicrepublicthai.com และผ่านพื้นที่ค้าปลีกทุกสาขา ตั้งงบทำตลาด 3-5% ของรายได้

ด้านภาพรวมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ในช่วงที่เหลือของปี 2561 ถึงปีหน้า คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับกลางและบน เนื่องจากผู้บริโภคในกลุ่มนี้มีความมั่นใจในการใช้จ่ายมากขึ้น อีกทั้งคาดว่าโครงการอสังหาฯ ระดับไฮเอนด์ทั้งแนวราบและแนวสูงจะเปิดตัวมากขึ้น

สำหรับปัจจัยดังกล่าวถือเป็นโอกาสที่ดีในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งบริษัทได้เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการเลือกซื้อของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ รวมทั้งจะมีการนำเข้าสินค้าใหม่จากแบรนด์แอชลีย์จำหน่ายอีก 300-400 เอสเคยู

ขณะที่แอชลีย์เองมีแผนจะขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่ม ซึ่งตั้งเป้าเดือน มี.ค. 2562 จะมีครบ 1,000 สาขาทั่วโลก โดยขณะนี้มี 850 สาขา ใน 155 ประเทศ โดยมองว่าตลาดในไทยมีกำลังซื้อดีและเติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และคาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีการเติบโตมากกว่าตลาดที่เติบโตอยู่ที่ 5% ซึ่งในอดีตบริษัทโตได้ถึง 30% ปัจจุบันมูลค่าตลาดเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งอยู่ราวหลายหมื่นล้านบาท โดยบริษัทเป็นผู้นำในตลาดเซ็กเมนต์กลางมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด

ด้านสัดส่วนรายได้ของบริษัทแบ่งเป็นค้าปลีก 60-70% สัดส่วนโครงการ 25-30% และรายได้จากค่าเช่า 5%