posttoday

อาหารเกาหลีฟีเวอร์ 'จีดูบัง'สบช่องบุกไทย

13 พฤศจิกายน 2561

ตัวเลขของธุรกิจร้านอาหารเกาหลีได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10-15%

โดย...จะเรียม สำรวจ

จากตัวเลขของธุรกิจร้านอาหารเกาหลีที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10-15% ส่งผลให้บริษัท จีดูบัง ผู้จัดจำหน่ายและผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารเกาหลีรายใหญ่ เล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารเกาหลีและอาหารทะเลภายใต้แบรนด์ เค-ฟิช เข้ามาทำตลาดซึ่งหลังจากนำสินค้าเข้ามา ทดลองทำตลาดได้ 3 ปีผ่านร้านเคมาร์เก็ตและร้านจีดูบังมาร์เก็ต พบว่าลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี

ปัจจุบันร้านเคมาร์เก็ตมีจำนวน ร้านเปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 3 สาขา คือ นครราชสีมา บางกะปิ และศูนย์ การค้าพาราไดซ์พาร์ค ส่วนร้านจีดูบังมาร์เก็ต ปัจจุบันมีอยู่ 1 สาขาในย่านรัชดาภิเษก

จุนโฮ ลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดูบัง กล่าวว่า จากเดิมร้านอาหารเกาหลีในประเทศไทยจะมีเพียงคนเกาหลีเข้าไปใช้บริการเท่านั้น คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 95%

แต่ปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจบริโภคอาหารเกาหลีมากขึ้น ทำให้สัดส่วนลูกค้าคนไทยที่เข้าไปใช้บริการในร้านอาหารเกาหลีปรับเพิ่มขึ้นเป็น 80-90% ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้คนไทยหันมาเปิดร้านอาหารเกาหลีมากขึ้น

จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้ บริษัท จีดูบัง เล็งเห็นโอกาสโดยใน อีก 5 ปีนับจากนี้มีแผนที่จะขยายร้านจีดูบังมาร์เก็ตเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 20 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปลี่ยนชื่อร้านเคมาร์เก็ตเป็นร้านจีดูบังมาร์เก็ตทั้งหมด เนื่องจากปัจจุบันแบรนด์เคมาร์เก็ตมีผู้ประกอบการในประเทศไทยนำไปใช้แล้ว จึงทำให้ต้องทำการเปลี่ยนเครื่องหมายทางการค้าใหม่

ลิม กล่าวต่อว่า นอกจากบริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดออฟไลน์ผ่านร้านจีดูบังมาร์เก็ตแล้ว บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจไปในช่องทางออนไลน์ ด้วยการพัฒนาเว็บไซต์จีดูบังขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าเมื่อต้องการสั่งซื้อสินค้าอีกด้วย ซึ่งทั้งสองบริการคาดว่าจะพัฒนาแล้วพร้อมเปิดใช้งานได้ประมาณกลางปี 2562

หลังจากขยายช่องทางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เรียบร้อย บริษัท จีดูบัง คาดว่าสิ้นปี 2562 น่าจะมีสัดส่วนรายได้มาจากช่องทางออนไลน์ 20% และเพิ่มเป็น 60-70% ในอีก 5 ปีนับจากนี้ โดยในปีดังกล่าวคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนรายได้สิ้นปี 2561 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 40% จากปี 2560 ที่มีรายได้ 40 ล้านบาท

รายได้ที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากการทำตลาดในรูปแบบบีทูบี คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 70% เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจร้านอาหาร ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 30% เป็นรายได้ที่มาจากกลุ่มลูกค้าทั่วไป

ทั้งนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศไทย บริษัท จีดูบัง ยังมีแผนจะเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเมียนมา ด้วยการเข้าไปตั้งบริษัทในประเทศดังกล่าว

ลิม กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ทำให้บริษัทตัดสินใจเข้าไปทำตลาดในเมียนมา เพราะเป็นประเทศเปิดใหม่ จึงทำให้ยังไม่มีคู่แข่งในตลาดมากนักเมื่อเทียบกับประเทศเวียดนามที่มีการแข่งขันกันรุนแรง ซึ่งบริษัทที่เข้าไปทำตลาดเป็นบริษัท ค่อนข้างใหญ่มีการส่งออกสินค้าไปทำตลาดลาวและกัมพูชา นอกเหนือจากทำตลาดในเวียดนามอย่างเดียว