posttoday

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงต่อเนื่องเดือนที่สอง เหตุกังวลสงครามการค้า

05 พฤศจิกายน 2561

ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.อยู่ที่ 81.3 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือน2 เหตุกังวลผลกระทบสงครามการค้า-ราคาน้ำมันสูง

ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.อยู่ที่ 81.3 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือน2 เหตุกังวลผลกระทบสงครามการค้า-ราคาน้ำมันสูง

นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายวิชาการและวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนค.ค.2561 อยู่ที่ 81.3 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากผู้บริโภคยังกังวลปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่รุนแรงขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่ามีเงินในกระเป๋าลดลง ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายรายการที่ยังต่ำอยู่ การส่งออกเดือนก.ย.ที่ลดลง 5.20% และสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมา ซึ่งหากค่าดัชนีความเชื่อมั่นเดือนพ.ย.ยังลดต่อเนื่องอาจมีผลทำให้ต้องปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่

ทั้งนี้ ยังเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในทุกรายการ โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศีษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 68.4 ปรับลดลงจากเดือนก่อนที่ 69.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ 76.5 ปรับลดลงจาก 77.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 99.0 ปรับลดจาก 100 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตที่อยู่ 92.6 ปรับลดลงจาก 93.6

"คงต้องรอดูค่าดัชนีในเดือนพ.ย.อีกครั้งว่าจะขยับขึ้นหรือไม่ หากยังลดลงต่อเนื่องจะมีผลต่อกำลังซื้อในช่วงปลายปี ซึ่งอาจต้องปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยใหม่ แต่จากสัญญาณที่เห็นตอนนี้ยังไม่น่าห่วง เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มลดมาตั้งแต่เดือนส.ค.จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีสัญญาณจะลดลงมากกว่านี้ ประกอบกับกระแสข่าวผู้นำทั้งสหรัฐฯและจีนเริ่มหันมาเจรจากัน โดยได้โทรศัพท์คุยกันและมีท่าทีว่าจะเปิดเจรจาเพื่อหาทางออกของปัญหา คาดว่าหากผลออกมาดีน่าจะส่งผลให้การค้าโลก รวมทั้งไทยกลับมาดีขึ้น" นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ มองว่าหากปัญหาดังกล่าวไปในทิศทางที่ดีส่งผลให้การค้า โดยเฉพาะการส่งออกของไทยจะส่งออกได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้เป็นบวกไม่น้อยกว่า 8% และนักท่องเที่ยวจากจีนจะกลับมาท่องเที่ยวในไทยทุกภาค ส่งผลให้ปีนี้ยอดนักท่องเที่ยวในไทยจะมีมากกว่า 38 ล้านคนได้

นอกจากนี้ จะทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มบ้าน รถยนต์ แต่น่าจะส่งผลให้การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่น่าจะกลับมาดีขึ้น รวมทั้งสินค้าภาคการเกษตรแม้จะยังไม่ดีขึ้นเต็มที่แต่ราคาส่วนใหญ่ไม่ได้ลดลงไปมาก เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้ผันผวนมากจนเกินไปและมีแนวโน้มทรงตัวมากขึ้น โดยเหตุผลเหล่านี้จะทำให้ความเชื่อมั่นโดยรวมของไทยดีขึ้น

อย่างไรก็ดี ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังคงประมาณการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี 2561 ไว้ที่ 4.6% และหากผลการพูดคุยทั้ง 2 ผู้นำไปในทิศทางที่ดีปัจจัยอื่นปรับดีจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปี 2562 น่าเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 โดยเฉลี่ยจะเติบโต 4.3-4.5%