posttoday

ภาษีที่ดินเข้าสภาพ.ย.นี้มีผลบังคับต้นปี'63

01 พฤศจิกายน 2561

กรรมาธิการยืนยันร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าสู่ สนช. วาระ 2 และ 3 เดือน พ.ย.นี้ เริ่มบังคับใช้ปี 2563 เว้นบ้านหลังแรก 50 ล้านบาท

กรรมาธิการยืนยันร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าสู่ สนช. วาระ 2 และ 3 เดือน พ.ย.นี้ เริ่มบังคับใช้ปี 2563 เว้นบ้านหลังแรก 50 ล้านบาท

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณารายละเอียดของกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และจะเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ และกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในการจัดเก็บภาษีจริงในวันที่ 1 ม.ค. 2563

สำหรับอัตราการเก็บภาษียังแบ่งเป็น 4 ประเภท โดยที่ดินประเภทเกษตรกรรมบุคคลธรรมดายกเว้นมูลค่า 50 ล้านบาทแรก ส่วนที่เกินจะเก็บภาษีล้านละ 100 บาท รวมถึงจะเว้นเก็บภาษีใน 3 ปีแรก เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบให้เกษตรกรรายย่อย

ขณะที่เกษตรรายใหญ่ที่เป็นนิติบุคคลจะเก็บภาษีตั้งแต่มูลค่าบาทแรกล้านละ 100 บาท และเก็บตั้งแต่ปีแรกไม่มีการเว้นให้เหมือนเกษตรรายย่อย ส่วนที่ดินเพื่ออยู่อาศัยกรรมาธิการเห็นชอบให้เว้นภาษีบ้านหลังแรกไม่เกิน 50 บาทเหมือนเดิม จากที่ก่อนหน้านี้เคยมีการพิจารณาว่าจะเว้นให้ไม่เกิน 20 ล้านบาท สำหรับส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท จะเก็บภาษีล้านละ 200 บาท ในส่วนบ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไปจะเก็บภาษีตั้งแต่บาทแรกที่ล้านละ 200 บาท

นอกจากนี้ ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ที่ใช้เพื่อการอุตสาหกรรม หรือการพาณิชย์จะเก็บแบบขั้นบันไดสูงสุด 0.7% ของราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยผู้ที่เสียภาษีใหม่มากกว่าเสียภาษีที่เคยเสียอยู่ ในส่วนที่เกินจะมีการบรรเทาให้เป็นเวลา 4 ปี โดยเก็บภาษีปีแรก 25% 50% 75% จนเป็น 100% ในปีที่ 4

อย่างไรก็ตาม ที่ดินเพื่อเชิงพาณิชย์จะได้รับการบรรเทาค่าภาษี เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และสนามกีฬาของเอกชนจะมีการผ่อนผันแต่ละประเภทไม่เท่ากัน โดยผ่อนผันเว้นเก็บภาษีมากสุดถึง 90% ของภาษีที่ต้องเสีย เช่น โรงเรียนเอกชน เพราะเป็นการสนับสนุนการศึกษา เป็นต้น

สุดท้ายที่ดินว่างเปล่าจะเริ่มเก็บที่อัตรา 0.3% ของราคาประเมิน และหากไม่ใช้ประโยชน์จะเก็บเพิ่มขึ้นอีก 0.3% ทุก 3 ปี แต่ไม่เกิน 3% จนกว่าจะมีการใช้ ประโยชน์ เพื่อต้องการให้มีกระตุ้นให้ใช้ที่ดินว่างเปล่าให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ และภาษีที่ดินว่างเปล่าเมื่อเทียบกับราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นปีละ 4% ก็ถือว่าไม่ได้เป็นภาระกับผู้เสียภาษี

"การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กรรมาธิการได้รายละเอียดกลุ่มที่อ่อนไหวทั้งหมด ทั้งเกษตรกร ผู้อยู่อาศัย ที่เชิงการพาณิชย์บางประเภท รวมถึงที่ดินว่างเปล่า เพื่อให้การเก็บภาษีใหม่ที่มาแทนภาษีเก่ามีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย" นายวิสุทธิ์ กล่าว

นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีการเก็บภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็น (อปท.) เป็นผู้เก็บได้ปีละประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เมื่อเปลี่ยนมาเป็นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะทำให้การเก็บภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่ไม่ใช่ในปีแรกที่เริ่มเก็บ เพราะมีการผ่อนผันจะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปี ถึงจะเก็บเพิ่มได้เต็มจำนวน