posttoday

กรมศุลฯคุมเข้มรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน

22 ตุลาคม 2561

ศุลกากรเร่งถกรับมือผลกระทบลดภาษีนำเข้ารถยนต์นั่งไฟฟ้าจากจีนเหลือ 0% เล็งใช้ปัญญาประดิษฐ์ หวังลดใช้ดุลพินิจเจ้าหน้าที่

ศุลกากรเร่งถกรับมือผลกระทบลดภาษีนำเข้ารถยนต์นั่งไฟฟ้าจากจีนเหลือ 0% เล็งใช้ปัญญาประดิษฐ์ หวังลดใช้ดุลพินิจเจ้าหน้าที่

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพสามิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางรองรับเกี่ยวกับผลกระทบจากการลดภาษีการนำเข้ารถยนต์นั่งไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) จากจีน เป็น 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 ที่ผ่านมา ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-จีน โดยความตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งรถยนต์ EV อยู่ในบัญชีการค้าที่ตกลงร่วมกัน

“ที่ผ่านมาได้มีการหารือแนวทางรองรับเรื่องดังกล่าวในระดับนโยบายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมสรรพสามิตและกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องมาโดยตลอด ซึ่งก็มีหลายมาตรการที่พิจารณาไปแล้ว เช่น ในส่วนของกรมสรรพสามิต ก็เน้นไปดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งเรื่องยางรถยนต์ แบตเตอรี่ ยืนยันว่าหลายๆ เรื่องมีการปรึกษาและพูดคุยกันตลอด” นายกฤษฎา กล่าว

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราภาษีนำเข้าเหลือ 0% ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-จีน เพิ่มเติมอีก 703 รายการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 นั้น มีรายการสินค้าสำคัญๆ ได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มรถยนต์นั่งไฟฟ้า (EV) แบตเตอรี่ เครื่องอัดประจุไฟฟ้า ไม่นับรถเมล์ไฟฟ้าที่ยังคงเสียภาษีนำเข้าในอัตรา 30% ของราคาซีไอเอฟตามเดิม

อย่างไรก็ดี มีหลายฝ่ายกังวลว่าการปรับลดภาษีการนำเข้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

สำหรับแนวทางการปฏิบัติงานของกรมศุลกากรยังเน้นดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงเข้มงวดในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดำเนินการมาอยู่แล้ว

รวมถึงจะมีการพัฒนาระบบการทำงานด้วยการดึงระบบไอทีเข้ามาเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่มากขึ้น เช่น ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นในขั้นตอนพิธีการนำเข้าสินค้าของศุลกากรว่า เป็นกรณียกเว้นการตรวจ (กรีนไลน์) หรือกรณีสั่งการเปิดตรวจ (เรดไลน์) เพื่อเป็นการลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมมากที่สุด และพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบข้อมูลสินค้าทั้งระบบ

ขณะที่การตรวจสอบสินค้าแบรนด์เนม สินค้าอันตราย หรือสินค้าควบคุม ยาเสพติด เป็นต้น ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานตรวจสอบกันอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว โดยมีการประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้การทำงานรอบคอบและรัดกุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น