posttoday

ต่างชาติโรดโชว์ ดึงนักลงทุนไทย

17 ตุลาคม 2561

ช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

ในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ จีน ฯลฯ เนื่องจากให้ผลตอบแทนของการลงทุนที่ดีกว่าในเมืองใหญ่หลายๆ ประเทศ เช่น นิวยอร์ก ฮ่องกง และโตเกียว ซึ่งในช่วง 2-3 ปีนี้ผลตอบแทนจากค่าเช่าอยู่ที่ 1.5-3%

ทิม สควิงตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์สโคป (ประเทศไทย) เปิดเผย ว่า คนไทยให้ความสนใจในการลงทุน อสังหาฯ ในอังกฤษบนทำเลย่านนอกกรุงลอนดอน เช่น เมืองแมนเชสเตอร์มากขึ้น ด้วยปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความได้เปรียบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ จึงเหมาะแก่การซื้ออสังหาฯ สำหรับเป็นที่พักอาศัยให้บุตรหลานในการศึกษาต่อ

นอกจากนี้ ยังพบว่า เป็นการซื้อเพื่อลงทุนสร้างรายได้จากการปล่อยเช่า เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนค่าเช่าสูงถึง 7% ต่อปี และมีแคปปิตอลแกนอยู่ที่ 5.5-7% ต่อปี จากอัตราการเข้าพักสูงถึง 96%

ทั้งนี้ ระดับราคาที่นักลงทุนชาวไทยสนใจซื้ออสังหาฯ ในต่างประเทศจะอยู่ที่ ประมาณ 5-400 ล้านบาท โดยระดับราคาที่ซื้อมากสุดคือ 5-20 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอายุ 35-50 ปี ส่วนระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป จะเป็นกลุ่มที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ขณะที่ชาวจีนสนใจซื้อในระดับราคา 3-7 ล้านบาท

ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว แอนโทส์ การ์เด้นส์ โครงการที่พักอาศัยหรูตกแต่งพร้อมอยู่ล่าสุดในเมืองแมนเชสเตอร์ จำนวน 155 ห้อง ราคาขายเริ่มต้น 9.75 ล้านบาท หรือเฉลี่ยที่ราว 1.8 แสนบาท/ตารางเมตร สัญญาการครอบครอง 850 ปี โดยจะเปิดขายในประเทศไทยในวันที่ 20-21 ต.ค.นี้ ปัจจุบันมีหน่วยเหลือขายราว 100 ยูนิต โดยโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2563

ปัจจุบันการลงทุนอสังหาฯ ในสหราชอาณาจักรเป็นที่สนใจ ด้วยผลตอบแทนที่คุ้มค่าและครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของผู้เช่าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนการปล่อยเช่าจะเพิ่มขึ้นอีก 4.2% ในปี 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังเป็นตลาดขายต่อที่แข็งแกร่งและได้ราคาดีโดยสินทรัพย์ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 40-60 วันในการขายต่อ

สควิงตัน กล่าวว่า บริษัทได้ดำเนินธุรกิจทั้งทำการตลาดและเป็นผู้แทนขายให้โครงการอสังหาฯ ของคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศและนำโครงการของชาวต่างชาติลงทุนในประเทศไทย โดยเน้นอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยระดับ ลักซ์ชัวรี่ ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้า 1 หมื่นราย เป็นคนไทย 40% และ ต่างชาติ 60%

ด้านภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นั้น มองว่ายังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งทำให้มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น แต่ตลาดขายต่อหรือรีเซลค่อนข้างอ่อนตัวลงเมื่อเปรียบกับตลาดที่โตอย่างเต็มที่ อย่างอังกฤษ เช่น ในเมืองแมนเชสเตอร์มีนักลงทุนต่างชาติ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน เข้าไปลงทุนอสังหาฯ เพิ่มขึ้นถึง 22% ในครึ่งปีแรกของปีนี้

พร้อมกันนี้ ยังพบว่าราคารีเซลยังอยู่ในอัตราสูงจากแคปปิตอลแกนที่เพิ่มขึ้นราว 5.5-7% ต่อปี ดังนั้นจึงเห็น นักลงทุนต่างชาติซื้ออสังหาฯ หลายแห่งในเมืองแมนเชสเตอร์ด้วยราคาที่เท่ากันในลอนดอนซึ่งเป็นการกระจายพอร์ตการลงทุน

สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนจะนำโครงการอสังหาฯ จากต่างประเทศเข้ามาเปิดขายให้กับนักลงทุนไทยเพิ่มอีก 3 โครงการ และต้นปีหน้าจะขยายตลาดไปยังออสเตรเลียต่อไป