posttoday

'ดับบลิวดีซี'ปรับทัพ ชิงเค้กวัสดุตกแต่ง

12 ตุลาคม 2561

จากที่ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจวัสดุตกแต่งและสุขภัณฑ์โตตามเช่นกัน

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

จากการที่ภาคอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจวัสดุ ตกแต่งและสุขภัณฑ์โตตามเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าระดับกลางและบนที่แนวโน้มความต้องการในตลาดเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับงานดีไซน์และคุณภาพมากกว่าราคา

บัณฑิต หิรัญญนิธิวัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น หรือดับบลิวดีซี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวัสดุตกแต่งและสุขภัณฑ์ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างมาก โดยตลาดกระเบื้องมีอัตราการบริโภค ติด 1 ใน 10 ที่มีการใช้มากสุดในโลก โดยมูลค่าราว 2.6-2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดเพียง 2% ส่วนมูลค่ารวมของสุขภัณฑ์อยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เห็นว่าการเติบโตของตลาดเป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจ

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจจากนี้ บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างทางการตลาดครั้งใหญ่ ดึงมืออาชีพจากต่างประเทศที่มีความชำนาญเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งตั้งแต่ปลายปี 2560 เพื่อรองรับขยายตลาดทั้งไทยและ ต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มซีแอลเอ็มวีในปี 2562

นอกจากนี้ ได้เร่งสร้างแบรนด์ รวมทั้งกำหนดกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการในไลน์สินค้า 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านวัสดุตกแต่งจากทั่วโลก และกลุ่มสุขภัณฑ์รวมถึงก๊อกน้ำเกรดพรีเมียมจากยุโรป โดยจะเพิ่มสินค้า 20% ทั้งนี้ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในอาเซียนด้านวัสดุตกแต่งพื้นและผนังสวยมีเอกลักษณ์ในใจผู้บริโภค ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า อีกทั้งมีแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ใน 2562 หรือปีถัดไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

บัณฑิต กล่าวว่า บริษัทดำเนิน ธุรกิจทั้งบีทูบีและบีทูซี โดยเป็นทั้งผู้ผลิตที่มีฐานผลิตหลายแห่งในภูมิภาคเอเชีย อาทิ อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม ฯลฯ ภายใต้แบรนด์แม็กซิมัส จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และยังเป็นผู้นำเข้าที่มีเครือข่ายซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้างทั่วโลกทั้งในยุโรปและในเอเชีย อีกทั้งเป็นผู้ค้าส่งให้กับโมเดิร์นเทรดด้านวัสดุก่อสร้างรายสำคัญในตลาด รวมถึงกลุ่มนักออกแบบ ตลอดจนผู้พัฒนาอสังหาฯ ทั้งรายใหญ่รายเล็ก

ขณะเดียวกันยังเป็นผู้ค้าปลีก โดยมีโชว์รูมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 3 แห่ง ได้แก่ ซีดีซี เลียบด่วนรามอินทรา โชว์รูมสาขานิมิตใหม่ และโชว์รูมภูเก็ต ทั้งนี้มีแผนเปิดโชว์รูมเพิ่มอีก 4-5 สาขา เช่น เมกาบางนา คริสตัลราชพฤกษ์ พัทยา หาดใหญ่ ฯลฯ ในปีหน้า ใช้เงินลงทุนสาขาละ 6-10 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ 200-400 ตารางเมตร ตั้งเป้าเปิดครบ 10 สาขาใน 3-5 ปี รวมทั้งมีแผนปรับปรุงสาขานิมิตใหม่และภูเก็ต ใช้งบสาขาละ 5 ล้านบาท

ทั้งนี้ ด้วยจุดแข็งบริษัทปี 2562 จะรุกส่งออก เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ และเน้นกลุ่มซีแอลเอ็มวี เนื่องจากตลาดมีความต้องการสินค้าที่มีความโดดเด่นเรื่องดีไซน์และคุณภาพ ตั้งเป้าส่งออกสัดส่วน 3-5% ของพอร์ตรายได้ และในอนาคตมีแผนร่วมกับพาร์ตเนอร์ ท้องถิ่นตั้งบริษัทและโชว์รูม

ด้านกลุ่มสุขภัณฑ์จะขยายไลน์ และเร่งทำตลาดปีหน้า ปัจจุบันมีสินค้ากระเบื้องนำเข้าจาก 8 ประเทศ และผลิตเองราว 500 ซีรี่ส์ ส่วนสุขภัณฑ์มี 50-100 รุ่น ทั้งนี้จะเพิ่มสินค้าใหม่ในปีหน้าในตลาดกลางและบน ผ่านช่องทางจำหน่ายทั้ง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มค้าส่งสัดส่วน 70% กลุ่มโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน 25% และกลุ่มค้าปลีก 5% โดยแผน ต่อไปจะเพิ่มกลุ่มโครงการเป็น 35% ส่วนปีนี้ตั้งเป้ารายได้กว่า 600 ล้านบาท และปี 2562 โต 5-10%