posttoday

ดึงบล็อกเชนจด'ไอพี'

09 ตุลาคม 2561

พาณิชย์เดินหน้าศึกษานำบล็อกเชนมาใช้ในระบบจดไอพีของไทย คาดเสร็จเดือน ก.พ. 2562 มั่นใจช่วยระบบการค้าไทยขยายตัว

พาณิชย์เดินหน้าศึกษานำบล็อกเชนมาใช้ในระบบจดไอพีของไทย คาดเสร็จเดือน ก.พ. 2562 มั่นใจช่วยระบบการค้าไทยขยายตัว

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.อยู่ระหว่างการให้สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดทำโครงการศึกษาความเป็นไปได้ และจัดทำข้อเสนอเพื่อพัฒนาต้นแบบการ ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (ไอพี) คาด จะแล้วเสร็จเดือน ก.พ. 2562  เพื่อให้ ได้ข้อสรุปในการนำบล็อกเชนมาใช้กับ ระบบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาของไทย

"บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ในการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ไม่ต้องผ่านคนกลางรายหนึ่งรายเดียว โดยสามารถดำเนินการผ่านเงื่อนไขสัญญาอัตโนมัติ (สมาร์ทคอนแทรกต์) ที่กำกับการทำงานให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคนในบล็อกเชนทำตามเงื่อนไขสัญญาโดย ไม่ต้องมีคนกลาง ดังนั้นบล็อกเชนจะ ช่วยยกระดับการจดทะเบียน คุ้มครอง และส่งเสริมการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาสู่เชิงพาณิชย์ในยุคดิจิทัลให้มีความโปร่งใส รวดเร็ว ปลอดภัย สะดวก เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพสูง" น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

นอกจากนี้ บล็อกเชนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ในกระบวนการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ต้องมีการตรวจสอบว่าผู้ขอเป็นผู้สร้างสรรค์หรือประดิษฐ์ ผลงานเป็นคนแรก ทำให้ใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นหากเก็บข้อมูลบนบล็อกเชนจะทำให้การตรวจสอบรวดเร็วขึ้น และบันทึกสิทธิผู้เป็นเจ้าของและวันเวลาในบล็อกเชนสามารถใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่เชื่อถือได้

ขณะเดียวกัน ยังสามารถบริหารสิทธิผ่านสมาร์ทคอนแทรกต์ เช่น การทำสัญญาอนุญาตใช้ผลงานลิขสิทธิ์ ผู้ใช้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้เจ้าของผลงาน โดยระบบจะโอนเงินเข้าบัญชีเจ้าของสิทธิให้อัตโนมัติตามบัญชี ที่เจ้าของสิทธิผูกไว้กับระบบ เป็นต้น

สำหรับโครงการดังกล่าว สนค. ได้รับการสนับสนุนทุนจากสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โดยมีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษาโครงการ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการนำร่องระหว่างหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งในอนาคตอาจขยายไปทำโครงการร่วม กับหน่วยงานภายนอก

"ผลลัพธ์จากโครงการศึกษานี้จะนำไปสู่การสร้างกระบวนการทรัพย์สินทางปัญญาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้นทุนถูกลง ขณะเดียวกันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องและบังคับใช้สิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย หากกรมทรัพย์สินทางปัญญานำระบบ บล็อกเชนมาใช้จดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย จะถือเป็นหน่วยงานทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลกของโลกที่มีการนำบล็อกเชนมาใช้ประโยชน์" น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

อย่างไรก็ตาม สนค.ยังเตรียมที่จะผลักดันให้มีการนำบล็อกเชนมาใช้กับระบบตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าเกษตรไทย เช่น สินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูล ไม่ต้องขึ้นทะเบียนซ้ำ และสามารถย่นระยะเวลาการส่งออกจาก 21 วัน ให้เหลือเพียง 3 วัน เช่น หากมีการขึ้นทะเบียนข้าวอินทรีย์ที่สหกรณ์ โดยนำระบบบล็อกเชนมาใช้ ข้อมูลทั้งหมดจะสามารถส่งต่อไปได้ถึง 5 กระทรวงทันที ไม่ต้องแจ้งข้อมูลกับทุกกระทรวง เป็นต้น

นอกจากนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนจะกระจายข้อมูลไปถึงผู้ซื้อปลายทาง ที่สามารถตรวจสอบได้ว่าข้าวอินทรีย์ถุงนี้มาจากแหล่งใด และ สนค.จะมีการทำผลศึกษาประโยชน์ของบล็อกเชนที่มี ต่ อมูลค่าการค้าให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อไป

บรรยายภาพ - เล็งใช้บล็อกเชน : พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดตัว "โครงการศึกษาความเป็นไปได้และจัดทำข้อเสนอเพื่อพัฒนาต้นแบบการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา" เพื่อยกระดับการจดทะเบียน คุ้มครอง และส่งเสริมการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาสู่เชิงพาณิชย์