posttoday

กนอ.สั่งปิดเตาหลอมโรงงานเหล็กในมาบตาพุดหลังเกิดระเบิด

07 ตุลาคม 2561

กนอ.สั่งระงับการดำเนินกิจการโรงหลอมเหล็ก ในนิคมฯมาบตาพุด หลังเกิดระเบิด ขีดเส้น 15 วันวิเคราะห์สาเหตุพร้อมจัดทำมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำ

กนอ.สั่งระงับการดำเนินกิจการโรงหลอมเหล็ก ในนิคมฯมาบตาพุด หลังเกิดระเบิด ขีดเส้น 15 วันวิเคราะห์สาเหตุพร้อมจัดทำมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำ

น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้อาศัยตามมาตรา 37 พระราชบัญญัติโรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ.2535 ให้บริษัทดำเนินการดังนี้ ข้อ1.สั่งการให้บริษัทหยุดกิจกรรมบริเวณเตาหลอม โดยทันที ข้อ2.ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบวิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดระเบิดดังกล่าวและจัดทำมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ โดยต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานภายนอกที่จะให้การรับรองความปลอดภัย (Third Party) และ ข้อ3.ให้ทบทวนและจัดซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของโรงงานในกรณีการเกิดเหตุฉุกเฉินและเหตุผิดปกติภายในโรงงาน โดยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินและเหตุผิดปกติจะต้องแจ้งศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (EMCC)

ทั้งนี้บริษัทจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ และต้องแจ้งให้ กนอ.ทราบ ภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งพร้อมทั้งเสนอความคืบหน้าให้กับสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด(สนพ.) ต่อไป อย่างไรก็ตาม กนอ.ได้ตระหนักและเตรียมพร้อมในแผนป้องกันและแผนปฏิบัติการตอบโต้สภาวะฉุกเฉินทุกนิคมอุตสาหกรรมและพร้อมที่จะตรวจสอบความปลอดภัยภายในโรงงานอย่างเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ได้เกิดเหตุระเบิดภายในโรงงานของบริษัทเหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด ซึ่งประกอบกิจการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตชนิดเหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อย ประเภทมีเตาหลอม โดยตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง

เบื้องต้นศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (EMCC) นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบว่าเกิดจากอุบัติเหตุขณะทำการอุ่นเตาหลอมเหล็ก จากปัญหาระบบเชื้อเพลิงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ภายในโรงงานดังกล่าว จำนวน 4 ราย ได้นำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง ซึ่งขณะนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้ว สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เข้าสู่ภาวะปกติเช่นเดียวกัน

ภาพจาก www.facebook.com/Palangseuonline