posttoday

'ซีพีเอฟ'ปั้นฐานผลิตต่างแดน ร่วมส่งออกไก่สุกพรีเมียม

26 กันยายน 2561

การบริโภคผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปในไทยมีการเติบโตค่อนข้างชะลอตัว ส่งผลให้ ซีพีเอฟ ต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการหันมาขยายธุรกิจในตลาดส่งออกมากขึ้น

โดย...จะเรียม สำรวจ

อัตราการบริโภคผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปในประเทศไทยที่มีการเติบโตค่อนข้างชะลอตัว ส่งผลให้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ ต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการหันมาขยายธุรกิจในตลาดส่งออกมากขึ้น ซึ่งสินค้าที่ ซีพีเอฟ จะใช้เป็นพระเอกในการบุกตลาดนับจากนี้ คือ ผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุกระดับพรีเมียม

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจไก่เนื้อและการค้าระหว่างประเทศ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจไก่เนื้อในตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยขณะนี้ได้มีการ เตรียมความพร้อมในด้านของโรงงานผลิตสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโรงงานที่ประเทศเยอรมนี โปแลนด์ หรือการสร้างโรงงานไก่แปรรูป และธุรกิจครบวงจรที่เมืองบินเดือง ประเทศเวียดนาม ภายใต้งบลงทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูป

นอกจากนี้ ในส่วนของตลาดในประเทศไทยเองก็ได้มีการขยายโรงงานไก่แปรรูปเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ใกล้กับโรงงานแห่งเดิมที่มีนบุรี กับ จ.นครราชสีมา ภายใต้งบลงทุนประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไก่แปรรูปจากปัจจุบันมีอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นตัน/เดือน เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 หมื่นตัน/เดือน

กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับการส่งออกในอนาคต ซึ่งตลาดหลักที่จะเน้นส่งออกไก่แปรรูปทั้งในรูปแบบของไก่สดและไก่ปรุงสุกยังคงเป็นอังกฤษ ญี่ปุ่น และยุโรป โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุกที่บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดนับจากนี้ คือ ผลิตภัณฑ์ใหม่ไก่เบญจา(Benja Chicken) ภายใต้แบรนด์ U-Farm

ปัจจัยที่ทำให้ ซีพีเอฟ หันมาให้ ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว  เพราะเป็นสินค้าระดับพรีเมียม เนื่องจากมีการเลี้ยงไก่ด้วยข้าวกล้อง จึงเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลกในขณะนี้

ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนำผลิตภัณฑ์ไก่เบญจาเข้าทำตลาดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี แม้ว่าราคาสินค้าจะสูงกว่าปกติประมาณ 45-50% ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว ทำให้บริษัทมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวส่งออกไปในตลาดต่างประเทศ โดยประเทศที่มีแผนที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศต้นปี 2562 คือ อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน

จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว ซีพีเอฟ มั่นใจว่านับจากนี้ไปยอดขายจากตลาดส่งออกน่าจะมีอัตราการเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุกเป็นสินค้าที่ช่วยขับเคลื่อนรายได้ ซึ่งสิ้นปี 2561 นี้ ซีพีเอฟ คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจไก่เนื้ออยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ประมาณ 10% แบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 50% และต่างประเทศ 50%

นอกจากนี้ ในอีก 3 ปีนับจากนี้ ซีพีเอฟ คาดหวังว่าจะมีรายได้จากธุรกิจไก่เนื้อเพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวรายได้ที่มาจากต่างประเทศน่าจะมีสัดส่วนมากกว่า 50% ส่วนภาพรวมของ ซีพีเอฟ สิ้นปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 259,478 ล้านบาท เติบโต 5-8%