posttoday

ทีวีไดเร็คล้างชื่อสปริง

25 กันยายน 2561

ทีวี ไดเร็ค เตรียมเปลี่ยนชื่อช่องสปริงนิวส์ หลังเข้าถือหุ้น 91% ระบุคอนเทนต์หลักของช่องยังคงเป็นข่าวตามที่ กสทช.กำหนด

ทีวี ไดเร็ค เตรียมเปลี่ยนชื่อช่องสปริงนิวส์ หลังเข้าถือหุ้น 91% ระบุคอนเทนต์หลักของช่องยังคงเป็นข่าวตามที่ กสทช.กำหนด

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ได้อนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนถือหุ้น 90.1% ในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น ซึ่งเป็น บริษัทในเครือบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต (License) ให้ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ดิจิทัล ช่อง 19 จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

"ขณะนี้บริษัทได้เริ่มวางแผนเข้าไปบริหารธุรกิจในส่วนของธุรกิจดังกล่าวแล้ว ซึ่งหลังจากบริษัทดำเนินตามขั้นตอนการซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ บริษัทก็จะเปลี่ยนชื่อช่องสปริงนิวส์ทันที โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาชื่อที่มีความเหมาะสม ส่วนการเข้าไปบริหารงานอย่างเต็มตัวนั้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปี 2562" นายทรงพล กล่าว

สำหรับเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่ จะนำมาออกอากาศในช่องสปริงนิวส์นั้น บริษัทจะคงให้ความสำคัญไปที่คอนเทนต์ข่าวและสาระเหมือนกับที่ผ่านมา เนื่องจากช่องสปริงนิวส์อยู่ในกลุ่มสถานีข่าว โดยคอนเทนต์ที่เป็นข่าวคิดเป็น 30% รายการประเภทสาระความรู้ 20% ส่วนที่เหลืออีก 50% เป็นคอนเทนต์รายการโฮมช้อปปิ้ง และทีวีช็อปปิ้ง

ทั้งนี้ ในส่วนของคอนเทนต์ข่าวบริษัทยังคงให้สปริงนิวส์เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ให้ คิดเป็นเวลาที่ออกอากาศทั้งหมด 6 ชั่วโมง/วัน ส่วนรายการสาระความรู้ จะมีเวลาในการออกอากาศคิดเป็น 6 ชั่วโมง/วันเช่นกัน เช่นเดียวกับรายการโฮมช้อปปิ้งจะออกอากาศ 6 ชั่วโมง/วัน และรายการทีวีช็อปปิ้งออกอากาศ 6 ชั่วโมง/วัน

นายทรงพล กล่าวอีกว่า การเข้าถือหุ้นในช่องสปริงนิวส์ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าให้ครบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เนื่องจากทีวีดิจิทัลสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนเมืองได้ ซึ่งที่ผ่านมาฐานลูกค้าหลักของบริษัทส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างจังหวัด เนื่องจากช่องทางหลักในการทำตลาดจะเป็นทีวีดาวเทียม

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเข้าไปจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเข้าไป ร่วมผลิตรายการในทีวีดิจิทัลอีกหลาย ช่อง รวมไปถึงกลุ่มพันธมิตรในช่องทางออนไลน์ ซึ่งจากแนวทางการดำเนินงานดังกล่าวบริษัทคาดผลประกอบการบริษัทไตรมาส 3 นี้จะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 แน่นอน และส่งผลให้ภาพรวมสิ้นปี 2561 นี้มีรายได้จากช่องสปริงนิวส์คิดเป็นสัดส่วน 5% ของรายได้รวมสิ้นปีที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3,990 ล้านบาท ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้