ไฟเขียวชุมชนไม้มีค่า สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ

ครม. อนุมัติโครงการไม้มีค่า ตั้งเป้าส่งเสริมให้เกิดชุมชนไม้มีค่า 2 หมื่นแห่ง คาด 10 ปี สร้างมูลค่ากว่า 1 ล้านล้าน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการชุมชนไม้มีค่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เสนอ โดยเป้าหมายของโครงการเพื่อส่งเสริมให้เกิดชุมชนไม้มีค่าให้ได้ 2 หมื่นแห่ง ภายใน 10 ปี พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 26 ล้านไร่ มีชุมชนในครัวเรือน 2.6 ล้านครัวเรือน และใน 10 ปีข้างหน้า ไม้ทั้งหมดจะมีมูลค่าประมาณ 1.04 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ จะผลักดันการขายคาร์บอนเครดิต คาดว่าจะได้จากการมีป่าไม้เพิ่มประมาณ 6.7 แสนตัน/ปี หรือประมาณ 800 บาท/ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 560 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจัดทำรายละเอียดประเมินค่าไม้ เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ และสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับการทำโครงการหรือเรือนเพาะชำกล้าไม้ และให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ดำเนินการส่งเสริมการตลาดไม้และผลิตภัณฑ์ทั้งในและต่างประเทศ

"เป้าหมายใน 1-2 ปี จะผลักดันให้เกิด 2,000 ชุมชน ประชาชนประมาณ 1 แสนครัวเรือน ซึ่งจะมีหน่วยงานเข้ามาร่วม ขับเคลื่อน 6 กลุ่มงาน อาทิ สร้างเครือข่ายสังคมชุมชน การลงทะเบียนต้นไม้ การเพาะชำ คัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสม การส่งเสริมการแปรรูปซึ่งปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มขึ้นมาก" นายกอบศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่พบกับประชาชนพบว่าประชาชนจำนวนมากพอใจกับโครงการดังกล่าว เพราะราคาไม้สูงกว่าที่ปลูกยูคาลิปตัส 500 บาท/ต้น ซึ่งบางรายพบว่ามีต้นไม้เศรษฐกิจที่ปลูกไว้นับ 2 หมื่นต้น หากคำนวณราคาต้นละหนึ่งหมื่นบาท ก็จะมีรายได้และมีทรัพย์สินประมาณ 200 ล้านบาท

สำหรับโครงการสนับสนุนส่งเสริมการปลูกและการแปรรูปไม้มีค่า ถือเป็นการออม เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพิ่มพื้นที่ป่า สร้างรายได้ และดูแลสิ่งแวดล้อม โดยประชาชนสามารถปลูกต้นไม้ได้ทุกพื้นที่