posttoday

รัฐเร่งลงทุน 3 แสนล้าน ดันรถไฟฟ้า-ทางคู่-รถไฟเร็วสูงเข้าครม.ก่อนเลือกตั้ง

17 กันยายน 2561

รัฐบาลเร่งผลักดันลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 แสนล้าน เข้า ครม. ก่อนประกาศวันเลือกตั้ง

รัฐบาลเร่งผลักดันลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 แสนล้าน เข้า ครม. ก่อนประกาศวันเลือกตั้ง

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่เหลืออีกประมาณ 3-4 เดือนก่อนประกาศวันเลือกตั้งชัดเจน จะเร่งผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมและสำคัญให้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเปิดประกวดราคาให้ได้มากที่สุด และต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ซึ่งโครงการสำคัญๆ นี้มีมูลค่ารวมกันแล้วมากกว่า 3 แสนล้านบาท หากผลักดันออกมาแล้วจะเป็นแรงส่งที่สำคัญของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ โครงการที่จะเร่งผลักดันส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เป็นหัวใจ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ หลายเส้นทาง เช่น สายสีส้ม สายสีม่วงใต้ รถไฟทางคู่ทั้งในจังหวัดต่างๆ และในสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 สนามบินอู่ตะเภา ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) ที่อู่ตะเภา

อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่ทุกโครงการจะต้องถูกผลักดันออกมาหมด แต่ต้องเป็นโครงการที่เป็นหัวใจสำคัญๆ ให้เดินไปได้ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลถัดไปจะมาว่าต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานเจ้าของทราบเพื่อเร่งรัดแล้ว หากส่วนไหนล่าช้าอาจจะต้องเข้าไปหารือเร่งรัดต่อไป

“โครงการที่ปริ่มๆ จวนจะออกมาได้แล้วมีอยู่จำนวนมากถ้าเราเร่งออกมาให้ทันภายใน ธ.ค.นี้ ทุกอย่างจะไปได้เร็วเพราะการเปิดให้เอกชนมาร่วมลงทุนหรือพีพีพี ถ้าผ่านไปได้การลงทุนต่อเนื่องจะมา มีความหมายเยอะหมายถึงหลายอย่างทั้งตัวเลขการลงทุนและเศรษฐกิจ” นายสมคิด กล่าว

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดและทยอยออกมาตรการที่จะเป็นการให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่มีรายได้น้อย โดยการเติมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเข้าไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเหมือนกับกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-วอลเล็ต) เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มทหารผ่านศึกที่ผ่านการต่อสู้เพื่อดูแลส่วนรวมมามากแต่ยังได้รับการดูแลน้อย โดยให้ไปพิจารณาดูว่าคนกลุ่มต่างๆ เหล่านี้มีความต้องการพื้นฐานอะไรเช่น การรักษาด้านสาธารณสุข ซึ่งการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณสูงไม่สร้างต้นทุนหรือภาระมากให้เร่งทำมาตรการออกมา

สำหรับมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้นคลังได้ส่งรายละเอียดเข้ามาให้พิจารณาแล้ว อยู่ระหว่างเตรียมเสนอ ครม.พิจารณา ในหลักการนั้นไม่ใช่การยกเว้นไม่ให้จ่ายภาษี ทุกคนยังคงจ่ายภาษีแต่จ่ายน้อยลง ซึ่งการจ่ายน้อยลงนั้นอยู่ในรูปที่รัฐคืนภาษีให้หลังจากใช้จ่าย

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลักการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการนั้น จะแยกเป็น 3 ส่วน คือ จากแวต 7% จะคืนให้ผู้ถือบัตร 5% อีก 1% คืนเข้าไปในกองทุนการออมแห่งชาติ เสียแวตจริงเพียง 1%