posttoday

เกาะติดเบร็กซิตระวังส่งออกไทย

13 กันยายน 2561

พาณิชย์เกาะติดสถานการณ์เบร็กซิต หลังการแยกตัวสหราชอาณาจักรออกจากอียูมีผล 7 เดือนข้างหน้า คาดกระทบส่งออกไทยวงจำกัด

พาณิชย์เกาะติดสถานการณ์เบร็กซิต หลังการแยกตัวสหราชอาณาจักรออกจากอียูมีผล 7 เดือนข้างหน้า คาดกระทบส่งออกไทยวงจำกัด

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร หรือเบร็กซิต ว่าเหลือเวลาอีกประมาณ 7 เดือน การออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของสหราชอาณาจักรจะเริ่มมีผลในวันที่ 29 มี.ค. 2562 โดยขณะนี้ สหราชอาณาจักรอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงการออกจากสหภาพยุโรป (Withdrawal Agreement) และกรอบความร่วมมือกับสหภาพยุโรปในอนาคต

ทั้งนี้ สองฝ่ายสามารถตกลงในเนื้อหาได้ 80% ของ Withdrawal Agreement เช่น การรักษาสิทธิพลเมือง ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านภาษี และวิธีคำนวณค่าชดเชย (Aivorce Bill) ที่สหราชอาณาจักรต้องจ่ายให้สหภาพยุโรป จึงมีโอกาสสูงที่ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในวันที่ 29 มี.ค. 2562 หากเป็นเช่นนั้น จะมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านให้ทั้งสองฝ่ายปรับตัวอีก 21 เดือน ก่อนการแยกตัวมีผลสมบูรณ์ในวันที่ 1 ม.ค. 2564

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์เบร็กซิต น่าจะส่งผลกระทบต่อไทยในวงจำกัด แม้ว่าเบร็กซิตอาจเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจการค้าโลก แต่ไทยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำ การเกินบัญชีดุลสะพัดสูง และสัดส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้สินต่างประเทศระยะสั้นอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งจะทำให้รับมือกับความผันผวนภายนอกได้

"ความสัมพันธ์ด้านการค้า  การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปยังเป็นไปด้วยดี การส่งออกของไทยไปสหราชอาณาจักรปี 2560 โต 5.98% และส่งออกไปสหภาพยุโรปโต 8.36% โดยช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปี 2561 การส่งออกไปสหราชอาณาจักรหดตั วเล็กน้อยแค่ 1% แต่การส่งออกไปสหภาพยุโรปขยายตัวสูงถึง 12.70%" น.ส. พิมพ์ชนก  กล่าว