จุดตายของเอสเอ็มอี

โดย..สุรชัย กำพลานนท์วัฒน์

ระบบการเงินของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีคือปัญหาหลักที่ทำให้ธุรกิจล้มเหลวและยังไม่สามารถกู้เงินแบงก์ได้อีกด้วย!!

กล้าพูดแบบนี้เพราะเป็นเรื่องจริงที่เอสเอ็มอีคนตัวเล็กกว่าร้อยละ 90 ยังคงมีความคิดแบบเก่า ยังทำธุรกิจแบบเดิมๆ ที่ปะปนจนแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นเรื่องส่วนตัว...อันไหนเป็นเรื่องของกิจการ ระบบการเงินไม่สามารถสะท้อนผลประกอบการที่แท้จริงของธุรกิจได้ หลายครั้งจึงเกิดความเสียหายโดยไม่รู้ตัว ยิ่งขายดี...ยิ่งเจ๊งเร็ว ยิ่งขายมาก...ยิ่งขาดทุนมาก หรือยิ่งค้าขาย...เงินยิ่งขาดมือ มูลเหตุที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้มาจาก 3 เรื่องคือ ไม่แยกกระเป๋า...ไม่เข้าบัญชี...ไม่มีหลักฐาน

• ไม่แยกกระเป๋า...การใช้จ่ายเงินปะปนไปหมดทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว เรื่องธุรกิจ หยิบจับรับจ่ายทำแบบง่ายๆ ไม่มีระบบ ไม่แยกแยะ ใช้จ่ายทุกเรื่องในกระเป๋าเดียว เมื่อทำเรื่อยๆ ทำสะสมนานๆ ในที่สุดเงินสดที่ต้องใช้จ่ายหมุนเวียนในธุรกิจจริงๆ ก็จะติดขัด หลายคนแก้ปัญหาด้วยการกู้หนี้ยืมสิน กู้เงินนอกระบบ กดบัตรเครดิต วิ่งหาสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยแพงๆ มาหมุน ยิ่งเป็นการฆ่าธุรกิจให้ตายเร็วขึ้นกว่าเดิม
• ไม่เข้าบัญชี...กิจการค้าขายเงินสดมักไม่มีการนำเงินเข้าออกหมุนเวียนในบัญชีกิจการ ยึดติดความคุ้นชินและความสะดวก รับมา...จ่ายไป ค้าขายได้เท่าไรไม่มีใครรู้ บางรายอาจมีการนำเงินเข้าบัญชีบ้าง แต่ดันไปเข้าบัญชีส่วนตัว ไม่ใช่เข้าบัญชีกิจการ เมื่อถึงเวลาจะต้องพิสูจน์ยอดขายยอดรับจ่ายจริงของธุรกิจ ก็ไม่มีเอกสารยืนยันให้น่าเชื่อถือ
• ไม่มีหลักฐาน...ทั้งรายรับและรายจ่ายมักไม่มีบิลเก็บไว้เป็นหลักฐาน ฝั่งรายได้ก็จะไม่อยากออกบิลเพราะเกรงเรื่องภาษี ฝั่งรายจ่ายเวลาซื้อสินค้าซื้อวัตถุดิบก็ไม่เก็บบิลไว้ลงบัญชี คนค้าขายในนามบุคคลธรรมดายิ่งไม่สนใจหลักฐานเพราะไม่ต้องถูกบังคับให้ทำบัญชี ส่วนคนที่ทำในนามนิติบุคคลแม้ว่าถูกกำหนดให้ต้องทำบัญชีปิดงบการเงินทุกปี แต่ก็จะเลี่ยงให้มากที่สุด อันนี้พอถึงเวลาจะกู้เงินแบงก์ก็พูดไม่ออก

อันตรายจากการเงินที่ไม่มีระบบคือความเสียหายทางธุรกิจที่ไม่มีโอกาสรู้และป้องกันได้ทันกาล หนทางเดียวที่จะลดความเสี่ยงคือต้องรีบจัดระบบการเงินของกิจการใหม่ ทำให้ครบ ลงให้ตรง ทุกอย่างตรงไปตรงมา แยกแยะกระเป๋าเงินให้ชัด เข้าบัญชีเป็นระยะ และเดินด้วยเอกสารที่ถูกต้อง ถ้าจะกู้เงินแบงก์ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้...ยังไม่สายเกินไป!!