posttoday

"ภาษี"ฉุดยอดขายรถยนต์โลก

30 สิงหาคม 2561

สงครามการค้าเริ่มกระทบยอดขายรถใหม่ในจีน-ยุโรป คาดยอดรวมทั้งโลกปีนี้โตลดลงนับตั้งแต่ปี 2010

สงครามการค้าเริ่มกระทบยอดขายรถใหม่ในจีน-ยุโรป คาดยอดรวมทั้งโลกปีนี้โตลดลงนับตั้งแต่ปี 2010

วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างคาดการณ์ของบริษัทวิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ แอลเอ็มซี ออโตโมทีฟ ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลกปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 1.8% อยู่ที่ 97 ล้านคัน หรือขยายตัวลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ที่มีการเติบโตราว 5% ต่อปี เนื่องจากความตึงเครียดด้านการค้าโลก และการที่สหรัฐขู่ตั้งภาษีรถยนต์นำเข้า 25% ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดจีนและยุโรปแล้ว

แอลเอ็มซี ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในจีนเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยลดลง 5.3% อยู่ที่ 1.59 ล้านคัน เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่ายอดขายทั้งปีจะขยายตัวได้เพียง 1.2% ลดลงจากปีก่อนที่เติบโต 2.1% และจากปี 2016 ที่โต 13% ขณะที่ยอดขายรถใหม่ในสหภาพยุโรปช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวเพียง 2.9% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่โต 4.7%

จัสติน ค็อกซ์ นักวิเคราะห์อาวุโสของแอลเอ็มซี เปิดเผยว่า ความตึงเครียดทางการค้าและการขู่ตั้งภาษีรถยนต์จะสกัดการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ และหากความขัดแย้งทางการค้ายังไม่สิ้นสุด ยอดขายรถใหม่ปี 2020 มีแนวโน้มจะลดลงอีก 3 ล้านคัน

ขณะที่รอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า แม้สหรัฐและเม็กซิโกเห็นพ้องปรับแก้ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) ไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ข้อตกลงใหม่ยังเปิดทางให้สหรัฐสามารถตั้งภาษี 25% กับรถยนต์นำเข้าจากเม็กซิโกได้ หากนำเข้าเกินโควตาที่กำหนด

ทั้งนี้ สหรัฐสามารถตั้งภาษีโดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคง กรณีเม็กซิโกส่งออกรถยนต์และรถเอสยูวีมาสหรัฐเกิน 2.4 ล้านคัน/ปี และส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์มูลค่ามากกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี
(ราว 2.95 ล้านล้านบาท)

ด้านนิกเกอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า บริษัทผลิตเครื่องจักรญี่ปุ่นหลายรายเริ่มย้ายฐานการผลิตจากจีนกลับประเทศแล้ว อาทิ บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็กทริก ที่จะย้ายสายการผลิตบางส่วนจากโรงงานในเมืองต้าเหลียน กลับไปจังหวัดนาโกยา เนื่องจากสินค้าดังกล่าวถูกสหรัฐตั้งกำแพงภาษีนำเข้า ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทอาซาฮี คาเซอิ ได้ย้ายการผลิตสารตั้งต้นเรซินจากโรงงานในจีนกลับไปยังจังหวัดโอคายามะ ขณะที่บริษัท โคมัตสึ มีแผนจะย้ายการผลิตบางส่วนกลับไปที่ญี่ปุ่นและในเม็กซิโก

ภาพ เอเอฟพี