posttoday

องค์กรต้านคอร์รัปชันเผยผลงาน 7 ปีลดเงินใต้โต๊ะเหลือ15-20%

29 สิงหาคม 2561

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเตรียมประสาน UNDP เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลการทุจริตทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเผยผลงาน 7 ปี ช่วยลดเงินใต้โต๊ะเหลือ 15-20% จากอดีตสูงกว่า 20-30%

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเตรียมประสาน UNDP เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลการทุจริตทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเผยผลงาน 7 ปี ช่วยลดเงินใต้โต๊ะเหลือ 15-20% จากอดีตสูงกว่า 20-30%

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผยภายหลังแถลงผลงาน 7 ปีว่า ขณะนี้องค์การต่อต้านคอร์รัปชันได้มีการประสานงานไปยังโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้องค์กรสหประชาชาติ (UN) )ให้ร่วมเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายในการเชื่อมโยงข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชันที่อัอฉาวและมีคนไทยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในโครงการทุจริตทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากระบบการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของไทยยังไม่เข้มแข็งมากนัก อย่างกรณีการทุจริตการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอมที่ถูกเปิดโปงจากญี่ปุ่น รวมถึงกรณีทุจริตสินบนระหว่างโรลส์รอยซ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานไทยเองยังไม่รู้

"นโยบายการขับเคลื่อนในการต่อต้านการทุจริตของรัฐบาลชุดนี้และนายกรัฐมนตรีให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่หน่วยงานภาครัฐบางหน่วยงานยังหวงอำนาจอยู่ ทำให้ระบบการขับเคลื่อนไม่ราบรื่น รวมทั้งได้มาถึงข้อมูลต่างๆ ทำให้องค์กรฯ ต้องเพิ่มภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศให้มากขึ้น ในการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อให้การทำงานเข้มแข็งขึ้น" นายประมนต์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังได้ประสานงานอย่างไม่เป็นทางการไปยังธนาคารโลก (เวิล์ดแบงก์) อย่างต่อเนื่อง โดยทางเวิล์ดแบงก์ได้ให้คำแนะนำความรู้ เพื่อให้รู้เท่าทันกลโกงในการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการประมูลต่างๆ ของรัฐบาล ทำให้ภาคีเครือข่ายที่องค์กรมีอยู่มีความรู้ในการเข้าไปตรวจสอบมากขึ้น

"ยังได้ประสานกับสถานทูตต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลหากมีกรณีที่มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในการคอร์รัปชันข้ามชาติ ทำให้การแก้ไขได้เร็วขึ่น เนื่องจากสามารถได้ถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น" นายประมนต์ กล่าว

ทั้งนี้ จากการที่องค์กรและภาคีเครือข่ายร่วมผลักดันพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ที่กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างผ่านโครงการข้อตกลงคุณธรรม ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีหน่วยงานเข้าร่วมโครงการ 73 โครงการ มูลค่า 8.75 แสนล้านบาท มีการลงนามในสัญญาแล้ว 45 โครงการ มูลค่ารวม 1.03 แสนล้านบาท ช่วยประหยัดงบประมาณให้รัฐได้สูงถึง 2.51 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 24.20%

"การทำงานขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันที่ผ่านมาช่วยลดสัดส่วนการจ่ายสินบนใต้โต๊ะลดเหลือ 15-20% จากอดีตที่เคยมีสัดส่วนถึง 20-30% สะท้อนว่า มีการตระหนักรู้มากขึ้นในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กระบวนการตรวจสอบมีความอ่อนแอ การทุจิตคอร์รัปชันก็จะยังมีต่อไป" นายประมนต์ กล่าว

อย่างไรก็ดี มองว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ทำให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันลดลงระดับหนึ่ง แต่ยังไม่พอ เพราะยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ โดยให้คะแนนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในความจริงใจในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเต็มร้อย แต่ยังติดปัญหาที่คนรอบข้างและระบบราชการไทยที่ไม่ตื่นตัว ขับเคลื่อนช้า ทำให้มีข้อจำกัดและเงื่อนไขในการทำงานเยอะ ซึ่งต้องใช้เวลาในการปลดล็อก

 สำหรับช่วงปี 2557-2560 หรือ 4 ปีกว่าของการทำงานรัฐบาลคสช.พบว่า มีปัญหาและอุปสรรคในระบบบริหารและการใช้อำนาจเปิดช่องทางในเรื่องของสินบน แม้ว่าจะมีความตั้งใจแก้ปัญหาสูง แต่การปฎิบัติงานยังไม่กระตือรือร้น กระบวนการตรวจสอบภายในของภาครัฐด้อยประสิทธิภาพ จึงทำให้เกิดปัญหาการทุจริตโกงเงินคนจน กองทุนการศึกษาและเงินทอนวัด รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาคทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธา