posttoday

น้ำท่วมเจ๊งหมื่นล้าน

21 ตุลาคม 2553

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินตัวเลขความเสียหายน้ำท่วมหมื่นล้านบาทกระทบจีดีพี 0.08% ภาคการเกษตรเสียหายมากสุด 2.6พันล้าน

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินตัวเลขความเสียหายน้ำท่วมหมื่นล้านบาทกระทบจีดีพี 0.08% ภาคการเกษตรเสียหายมากสุด 2.6พันล้าน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการประเมินผลกระทบจากภัยน้ำท่วมปี 2553 ว่า อุทกภัยในช่วงเดือนต.ค. 2553 มีมูลค่าความเสียหายรวมที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทย 7,700 – 1 หมื่นนล้านบาท หรือคิดเป็นผลกระทบ 0.08% ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) รวมทั้งยังมีความเสียหายจากการฟื้นฟูด้วยอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท รวม 2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ แบ่งเป็นความเสียหายภาคเกษตรกรรม (พืชไร่ พืชสวน และปศุสัตว์) มูลค่า 2,600 ล้านบาท คิดเป็น 33.8% ของความเสียหายทั้งหมด ภาคการผลิตและอุตสาหกรรม จากการที่วัตถุดิบทางการเกษตรไม่สามารถส่งป้อนโรงงานอุตสาหกรรมได้ มูลค่า 600 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 7.8% ภาคบริการและการท่องเที่ยว มูลค่า 1,200 ล้านบาท หรือ 15.6% เนื่องจากพื้นที่ประสบภัยส่วนใหญ่ เช่น เพชรบูรณ์ นครราชสีมา พิษณุโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางไปความเสียหายค่อทรัพย์สินราชการ (สถานที่ราชการ ถนน) มูลค่า 2,000 ล้านบาท สัดส่วน 26% ทรัพย์สินเอกชน (อาคารบ้านเรือน รถยนต์) 1,000 ล้านบาท คิดเป็น 13% และอื่นๆอีก 300 ล้านบาท

“ปัญหาน้ำท่วมถือเป็นปัญหาระยะสั้น กระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมน้อย แต่ปัญหาเรื่องการจัดการน้ำรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งจัดการอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี ในพื้นที่เดิม โดยเฉพาะในภาคอีสาน การสร้างอ่างเก็บน้ำ หรือระบบชลประทานมีความจำเป็นอย่งมาก เพื่อช่วยภาคเกษตรลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ” นายธนวรรธน์ กล่าว