posttoday

บินโลว์คอสต์เมินหั่นค่าตั๋ว ชี้ขายต่ำกว่าเพดานราคาอยู่แล้ว

20 สิงหาคม 2561

นกแอร์เผยวางกรอบเพดานตั๋วโลว์คอสต์ไร้กระทบ เหตุราคาต่ำกว่าฐาน เร่งปรับตัวออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หวังหนุนแผนเพิ่มรายได้รับสัดส่วนลูกค้า

นกแอร์เผยวางกรอบเพดานตั๋วโลว์คอสต์ไร้กระทบ เหตุราคาต่ำกว่าฐาน เร่งปรับตัวออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หวังหนุนแผนเพิ่มรายได้รับสัดส่วนลูกค้า

นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงคมนาคมเตรียมพิจารณาประกาศใช้กรอบเพดานค่าโดยสารสายการบินกับสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ในอัตราใหม่ต้องเก็บไม่เกิน 9.40 บาท/กิโลเมตร (กม.) ลดลงจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ไม่เกิน 13 บาท/กม. หรือ ลดลง 27% นั้น จะไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสายการบิน เนื่องจากปัจจุบันค่าโดยสารของกลุ่มสายการบินโลว์คอสต์อยู่ต่ำกว่ากรอบเพดานเดิมอย่างมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 2-5 บาท/กม. ตามแต่ระยะทางการบิน

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การปรับตัวและการดำเนินธุรกิจของสายการบิน โดยเฉพาะการเพิ่มรายได้จากราคาตั๋วเครื่องบิน ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงและจะต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ดังนั้น นกแอร์จึงได้ร่วมกับไทยกรุ๊ป ของการบินไทย เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น นก เอ็กซ์ตร้า และนก แม็กซ์ ที่จะเสริมบริการพิเศษ บริการอาหาร การบรรทุกกระเป๋าสัมภาระ รวมถึงสามารถสะสมไมล์รอยัล ออร์คิด พลัสได้

สำหรับในช่วง 6 เดือนแรก นกแอร์มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารอยู่ที่ 91.22% ซึ่งถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยในปีนี้ตั้งเป้าอัตราบรรทุกผู้โดยสารรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 92% จากปีก่อนที่ 84.81% โดยจากนี้จะเร่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้บริษัทสามารถปรับฐานราคาตั๋วโดยสารเพิ่มขึ้นได้ ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับต้นทุนราคาน้ำมันอากาศยานที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับ สกู๊ต (Scoot) ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดในกลุ่มสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ส ได้ประกาศแผนการปรับราคาค่าโดยสารทั่วทั้งเครือข่ายขึ้น เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นภายหลังราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยอัตราค่าโดยสารของ สกู๊ตจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 5-30 สิงคโปร์ดอลลาร์/เที่ยวบิน หรือประมาณ 5% ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการบิน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ สกู๊ตยังอยู่ในช่วงพิจารณาเรื่องต้นทุนของสายการบิน โดยมองหาแนวทางในการลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงของเครื่องบิน รวมไปถึงการตรวจดูและประเมินผลต่างๆ ของบริษัทซัพพลายเออร์ เพื่อหามาตรการในการปรับปรุงผลิตภาพ รวมทั้งบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลให้มีจำนวนที่จำเป็น